วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(6)

ชีวประวัติ เจ้าแม่กวนอิม(6)

ทหารวังมาตามจับให้กลับไปอภิเษกสมรส


ราตรีนั้น นางชีทั้งหลายต้องถูกสำเนียงอันประหลาดปลุกให้ตื่นจากนิทรารมณ์ และในบัดดลก็ได้สำเหนียกเสียงอันดังกังวานสนั่นหวั่นไหวแห่งฆ้องกลองม้าล่อ เสียงนี้คือเสียงที่มาจากกองทหารซึ่งพระราชบิดาของเจ้าหญิงกวานยินทรงส่งมารุกรานล้อมอาราม เพราะในที่สุดนักสืบของพระองค์สามารถสืบทราบร่องรอยว่าพระนางทรงหลบหนีมาซุกซ่อนพระองค์อยู่ ณ อารามนี้


เหล่านางชีต่างมองดูหน้ากันด้วยความหวั่นพรั่นจิต แล้วออกอุทานว่า โอ ใครหนอ ใครเป็นผู้นำความมหันตทุกข์มาสู่พวกเรา ใครเป็นผู้ประพฤติการลามก ต้องมีใครคนหนึ่งในพวกเราที่ทำบาปไว้อย่างร้ายแรง และบัดนี้เทพดาก็กำลังจะล้างเราอยู่แล้ว เขาต่างก็โทษกัน แต่หามีใครโทษกวานยินไม่เพราะเขาวางใจเสียว่า แม้พระนางจะเป็นผู้ก่อเหตุการณ์นี้ก็ตามเถิด แต่คนเช่นพระนางนี้คงไม่เป็นเหตุร้อนถึงเทวดาที่จะมาลงโทษพวกเขาได้ อีกประการหนึ่ง ในการปฏิบัติสมณกิจ พระนางก็ได้ปฏิบัติด้วยความเคร่งครัดและนอบน้อมยิ่งนักอยู่แล้ว กระนี้เขาจึงไม่ติดใจสงสัยเลยว่าพระนางเป็นผู้ประพฤติทุศีล


เสียงขู่เข็ญนอกบริเวณอารามดังกังวานยิ่งขึ้นทุกขณะ ในทันใดเสียงร้องด้วยความกลัวก็หลุดออกจากปากของบรรดานางชีพร้อมกันว่า เขากำลังจะเผาอารามของเราแล้ว พวกทหารได้ก่อกองไฟขนาดใหญ่ขึ้น ควันพวยพุ่งไปในอากาศสูงพ้นกำแพงอาราม ในไม่ช้าความร้อนแรงแห่งเพลิงก็บันดาลให้กำแพงอารามพังทลายลงเป็นภัศมธุลี


ในบัดดลก็มีเสียงๆหนึ่งเปล่งออกมาในระหว่างเสียงตร่ำครวญอันเซ็งแซ่ของนางชีทั้งหลายว่า อนิจจา ตูข้าเองเป็นต้นเหตุแห่งมหันตทุกข์นี้


นางชีทุกคนเหลียวไปดูทางเสียงนั้นด้วยความฉงนสนเท่ห์จึงทราบว่าเจ้าหญิงกวานยินเป็นผู้ทรงกล่าว เขาออกอุทานด้วยความมหัศจรรย์ใจเป็นที่สุดว่า เจ้าหรือ


จ้ะ ตูข้าเอง เพราะตูข้าเป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ พระราชบิดาไม่ทรงยินยอมให้ตูข้ามารับศีลปฏิญาณอุปสมบทเป็นนางชี แล้วตูข้าจึงได้หลบหนีออกจากพระราชวัง ฉะนั้นพระองค์จึงส่งกองทหารมาที่นี่เพื่อเอาเพลิงเผาผลาญอารามนี้เสียแล้วฉุดคร่าเอาตัวตูข้ากลับไปจองจำทำโทษในพระราชวัง


นางอธิการิณีร้องขึ้นว่า ถ้ากระนั้น เจ้าดูทีหรือว่าเจ้าได้นำอะไรมาสู่พวกเราบ้าง ดรุณีผู้เคราะห์ร้ายเอ๋ย เจ้าดูทีหรือว่าเจ้าได้สนองความเมตตาและอนุเคราะห์ของพวกเราประการใดบ้าง บรรดาเรือนน้อยใหญ่ของเราจะกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่รำมะร่อแล้ว เจ้าได้ก่อความลำเค็ญให้แก่พวกเราเพียงไร ขอทวยเทพซึ่งสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์จงลงทัณฑ์แก่เจ้าให้สาสม


เจ้าหญิงกวานยินสะดุ้งจนพระกายลอย ทรงค้านว่า เปล่า เปล่าเลย และทรงพยายามห้ามปราม มิให้นางอธิการิณีกล่าวถ้อยคำอันน่าขนพองสยองเกล้านั้น ท่านอธิการิณี ไม่มีสิทธิอันใดที่จะกล่าวเช่นนั้น เพราะตัวข้ามิได้แปดเปื้อนด้วยความชั่วช้าลามก แต่ รอก่อน อีกสักครู่ท่านจะได้เห็นว่าเทพดาจะสนองถ้อยวิงวอนของผู้ใด ของท่านหรือของตูข้า พอนางตรัสขาดกระแสเสียง ก็ทรงจรดพระนลาฏลงกับพื้น ทรงกล่าวคำวิงวอนเทพดาฟ้าดินและสรรพสิ่งซึ่งมีมหิทธิฤทธิ์มหิทธิศักดิ์ในสากลจักรวาล เพื่อทรงช่วยคุ้มครองป้องกันอารามและนางชีทั้งหลาย ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติซึ่งกำลังมีมาสู่นั้น


เสียงเพลิงเผาสิ่งต่างๆซึ่งอยู่ล้อมรอบอารามดังโผงผางอย่างน่ากลัว ในไม่ช้าเพลิงก็เผาผลาญกุฏิโบสถ์วิหารการเปรียญบ้านช่องเรือนโรงทุกหลังบนยอดผาให้พินาศย่อยยับ นางชีทั้งหลายพากันตื่นตระหนกตกใจเกรงกลัวเหลือประมาณ จึงได้เตรียมตัวเพื่อหนีออกจากอาราม และทอดทิ้งอารามไว้ให้เป็นเหยื่อของเพลิงและทหารซึ่งโหดร้ายยิ่งกว่าเพลิง เจ้าหญิงกวานยินคงประทับอยู่ในห้องแต่พระองค์เดียว ทรงภาวนาวิงวอนขอความอารักข์จากเทพดาฟ้าดินด้วยพระทัยอันร้อนรนกระวนกระวาย


ในทันใดนั้นก็มีลมเฉื่อยๆพัดมาจากลำเนาไพรใกล้เคียง พลาหกก็รวมกันเข้าเป็นกลุ่มก้อนมืดครึ้มอยู่เหนือศีรษะ และถึงแม้ว่าขณะนี้จะเป็นฤดูแล้งก็บังเกิดมีพระพิรุณเทน้อยเทใหญ่ลงมาต้องเพลิงภายใน 5 นาทีเพลิงก็ดับเหือดหายไปสิ้น และอารามก็รอดพ้นจากอัคคีภัย ขณะที่นางชีตัวสั่นงันงกกำลังจะขอบพระทัยพระนางที่ทรงวิงวอนขอเดชะอำนาจแห่งเทพดาฟ้าดินช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นภัยอยู่นั้น มีทหาร 2 คนไต่ข้ามกำแพงด้านนอกเข้ามาและถามหาพระนางด้วยสำเนียงกระด้างๆ


พระกายของพระนางสั่นดั่งลูกนก พระนางตระหนักแน่ว่า คนเหล่านี้กระทำตามพระโองการของพระราชบิดา พระนางจึงกราบไหว้วิงวอนเทพดาฟ้าดิน ครั้นแล้วก็สำแดงพระกายให้ปรากฏแก่ตาของทหาร ทหารทั้ง 2 ก็ตรงเข้าฉุดคร่าพระนางนางชีทั้งหลาย ผู้เริ่มรักใคร่เอ็ดดูพระนางแล้ว ในไม่ช้าพระนางก็ถูกนำตัวไปสู่พระราชวังอย่างน่าอัปยศอดสูยิ่งนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หนังสือชีวประวัติและพระคาถาเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์

มีจำหน่ายที่สายส่งดวงแก้ว ราคาเล่มละ ๑๐ บาท ติดต่อคุณหนึ่ง ที่เบอร์โทร ๐๒-๘๖๔-๐๔๓๔ และ ๐๒-๘๖๔-๐๔๓๕