วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มหาอานิสงส์ของการสวดมหากรุณาธรณีสูตรจะทำให้ตายดีและมีชาติกำเนิดที่ดี

มหาอานิสงส์ของการสวดมหากรุณาธรณีสูตรจะทำให้ตายดีและมีชาติกำเนิดที่ดี



พระอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์ กราบทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า
เทวาและมนุษย์ทั้งหลายผู้สวดและทรงจำมหากรุณาธารณีสูตรนี้ได้ จักเป็นผู้ได้ชาติกำเนิดที่ดีและจักได้ประสบกับความทุกข์อันเกิดจากการตายที่ไม่ดี 15 ชนิด

สำหรับการตายไม่ดี 15 ชนิด ได้แก่:
1.ตายเพราะความอดอยากและความยากจน
2.ตายเพราะถูกจองจำคุก จองจำขื่อคา ถูกทุบตี
3.ตายเพราะน้ำมือของศัตรูคู่อาฆาต
4.ตายในสมรภูมิรบ
5.ตายเพราะถูกสัตว์ลั่งหาร เช่น เสือ สุนัขป่าและสัตว์ร้ายอื่นๆ
6. ตายเพราะพิษร้ายของงูพิษ และแมลงป่อง
7.ตายเพราะจมน้ำหรือถูกไฟลวก
8.ตายเพราะโดนยาพิษ
9.ตายเพราะแมงขบกัด
10.ตายเพราะเป็นบ้าเสียสติ
11.ตายเพราะดินถล่มหรือตกต้นไม้
12.ตายเพราะฝันร้ายที่ถูกคนร้ายคนชั่วส่งเข้ามาทำร้าย
13.ตายเพราะวิญญาณร้ายหรือภูตผีปีศาจกระทำ
15.ตายเพราะโรคร้าย
17.ตายเพราะฆ่าตัวตาย


ผู้ที่ท่องบ่นและทรงจำมหากรุณาธารณีสูตรนี้ได้  เมื่อตายจากโลกนี้แล้วจะได้ชาติกำเนิดที่ดี 15 ชนิด ได้แก่:

1.ในที่ไปเกิดจะมีพระราชาหรือผู้ปกครองที่ดีเสมอ
2.จะไปเกิดในประเทศที่ดีเสมอ
3.จะไปเกิดในกาลสมัยที่ดีเสมอ
4.จะได้พบกับกัลยาณมิตรเสมอ
5.จะมีอวัยวะครบถ้วนไม่พิกลพิการ
6.จะมีดวงจิตมุ่งสู่โพธิญาณที่บริสุทธิ์และแรงกล้า
7.จะไม่ล่วงละเมิดศีล
8.จะมีมวลหมู่ญาติที่มีแต่ความกรุณาปรานีและสมัครสมานสามัคคีปรองดองกัน
9.จะมีทรัพย์สินมั่งคั่งเนืองนองพอกพูนเสมอ
10.จะได้ความเคารพและความช่วยเหลือเกื้อกูลจากผู้อื่นเสมอ
11.จะไม่ถูกโจรปล้นทรัพย์สิน
12.จะสมประสงค์ในทุกสิ่งต้องการ
13.จะได้ความปกป้องคุ้มครองจากมังกร เทวดาและวิญญาณที่ดีเสมอ
14.จะได้พบกับพระพุทธเจ้าและได้ฟังธรรมะของพระองค์ในที่ที่ไปเกิด
15. จะได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะตามสมควรแก่ธรรมที่ตนได้สดับตรับฟังแล้วนั้น

มหากรุณาธรณีสูตรสำหรับสวดในภาคภาษาสันสกฤต

มหากรุณาธรณีสูตรสำหรับสวดในภาคภาษาสันสกฤต


พระอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์กราบทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า ผู้ที่สวดและทรงจำมหากรุณาธรณีสูตรนี้ได้ จะไปสู่สุคติทุกสถาน เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายพึงสวดและทรงจำมหากรุณาธรณีสูตรนี้ไว้อย่างสม่ำเสมออย่าได้ท้อแท้เกียจคร้าน  หลังจากกราบทูลเช่นนี้แล้ว ก็ได้พนมมือขึ้นถวายความเคารพพระพุทธเจ้า แล้วลุกขึ้นยืนอยู่เบื้องหน้าสมาคมของพุทธบริษัท แล้วแผ่ดวงจิตอันเป็นมหากรุณาธิคุณให้แก่ปวงสรรพสัตว์ แสดงอาการยิ้มแย้มออกมาให้ปรากฏ แล้วกล่าวมหากรุณาธรณีสูตรไว้ดังนี้ :

นะโม ระตะนะ-ตระยายะ
นะโมอาริยะ-วะโรกิเต-ศวะรายะ
โพธิ-สัตวายะ
มะหา-สัตวายะ
มะหา-การุณิกายะ
โอม สะระวะ  ระภะเย สุธนทัสยะ
นะโม  สะกริตวะ อิมัม
อาระยะ-วะโลกิเต-ศวะระ รัมธะวะ
นะโม นะระกินทิ หริหะ
มะหา-วะธะ-สวา-เม
สะวระ-อะระถะโต-ศุภัม-อะเชยัม
สรวะ-สะตะ-นะโม -วะสัต
นะโม-วากะ มะวิตาโต
ตัทยะถา
โอม อะวะโลกิ-โลกะเต-กะระเต-เอ-หริหะ
มะหา โพธิสัตวะ
สรวะ สระวะ
มะละ มะละ
มะหิ มะหิ  ริทะยัม
กุรุ กุรุ กะระมัม
ธุรุ ธุรุ วิชะยะเต
มะหา-วิชะยะติ-ธะระ-ธะระ-ธะรินิ
ศะวะรายะ จะละ จะละ
มะมะ วิมะละ มุกเตเล
เอหิ เอหิศินะศินะ อาระสัม ประสะริ
วิศวะ วิศวาม ประสะยะ
หุลุ หุลุ มะระ
หุลุ หุลุ หริหะ
สะระ สะระ สิริ สิริ สุรุ สุรุ
โพธิยะ โพธิยะ
โพธะยะ โพธะยะ
ไมเตรยะ นะระกินทิ  ธริศ-นินะ
ภะยะมะนะ สวาหา
สิทธายะ สวาหา
มะหา สิทธายะ สวาหา
สิทธา-โยเค-ศวะระยะ สวาหา
นะระกินทิ สวาหา
มาระนะระ สวาหา
ศิระ สิมหะ-มุขายะ-สวาหา
สรวะ มะหา-อสิทธะยะ สวาหา
จักระ-อสิทธายะ สวาหา
ปัทมะ-กัสตายะ สวาหา
นะระกินทิ-วะคะลายะ สวาหา
มะวะริ-ศังขะรายะ สวาหา
นะโม ระตะนะ-ตระยายะ
นะโมอาระยะ-วะโลกิเต-ศวะรยะ สวาหา
โอม  สิทธะยันตุ มันตระ ปะทายะ สวาหา.

ประวัติความเป็นมาของมหากรุณาธารณีสูตร


ประวัติความเป็นมาของมหากรุณาธารณีสูตร


มหากรุณาธารณีสูตร มีแหล่งความเป็นมาหลากหลาย ตามนิกายคติความเชื่อความนับถือของศาสนิกชนชาวพุทธมหายาน ที่นำมาเสนอต่อไปนี้คือประวัติความเป็นมาของมหากรุณาธารณีสูตรจากแหล่งข้อมูลหนึ่งที่เดิมเป็นภาษาอังกฤษและข้าพเจ้าได้แปลเป็นภาษาไทยดังต่อไปนี้:

ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้:


สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเชตวันนครสวัตถี อันเป็นสวนของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี  พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่จำนวน 1250 รูปและหมู่พระมหาโพธิสัตว์จำนวน 40,000  องค์ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเหล่าทวยเทพมากหลายซึ่งมีจำนวนถึง 84,000 องค์พร้อมด้วยบุตรและญาติๆของทวยเทพต่างก็ได้มาอยู่ในที่ชุมนุมนี้ด้วย  ทวยเทพเหล่านี้ได้แก่  ท้าวมหาพรหมเจ้าแห่งพรหมโลก พระราชาแห่งมนุษยโลก(สหโลก)  ท้าวสักกะเทวราช ผู้เป็นเวราชาแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 คือ ท้าว ธตรฐ  ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ ท้าวกุเวร รวมทั้งขุนพลยักษ์ผู้ใหญ่จำนวน 28 ตน  เป็นต้น

ในครั้งนั้นพุทธกาลได้ผ่านพ้นไปได้หลายแสนโกฏิปี ที่โลกแห่งหนึ่งนามว่า นานาบุษปโลก  เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระอมิตาภะตถาคต  พระองค์เป็นพระอรหันต์ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ได้แสดงงธรรมต่างๆในสมัยนั้น พระองค์ได้ตรัสเรียกให้พระโพธิสัตว์ 2 องค์ คือ พระโพธิสัตว์นามว่า มหาภะ และพระโพธิสัตว์นามว่า อมิตาภะให้มาเฝ้า แล้วตรัสว่า

ดูก่อนท่านผู้เจริญ ท่านทั้งสองพึงไปสู่มนุษยโลก(สหโลก)แล้วแสดงธรณีนี้แก่พระศากยะมุนี ธารณีนี้มีประโยชน์มาก  ให้ประโยชน์และความสุขแก่สรรพสัตว์ในสังสารวัฏชั่วกาลนาน กับทั้งจะเอื้อประโยชน์ทางคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านพละกำลังร่างกายและทางด้านเกียรติยศแก่สรรพสัตว์เหล่านั้น

 จากนั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อไปว่า :

 ตะทะยะตะ  โปโรสุลิ  สุลิ  ลิสะ โมทิ  มะหา-โสโมทิ  โสมันทิ  มะหา-โสมันทิ  โสลิ โสโลลิ  สวาหะ


พระโพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้นเมื่อรับธรณีนี้จากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้ว และเพื่อให้ธรณีนี้เกิดประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ตามความประสงค์ของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นนั้น จึงได้ออกจากพุทธโลกอันมีนามว่านานาบุปผพุทธโลกนั้น มุ่งตรงมายังสวนพระเชตวันของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี

พระโพธิสัตว์ทั้งสององค์ได้เข้าไปเฝ้าพระศากยมุนีพุทธเจ้ายังที่ประทับ ได้น้อมกายถวายอภิวาท ณ ที่เบื้องบาทของพระองค์ เสร็จแล้วถอยมายืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลพระพุทธองค์ว่า:

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อกาลแห่งพระพุทธเจ้าล่วงมาแล้วแสนโกฏิปี มีโลกแห่งหนึ่งนามว่านานาบุษปะพุทธโลก  พระพุทธเจ้าแห่งโลกนี้มีพระนามว่าพระอมิตาภะตถาคต  พระองค์เป็นพระอรหันต์ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสธรณีนี้  และพระองค์ได้ส่งข้าพระองค์ทั้งสองมาที่ที่เพื่อกราบทูลถามว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า  พระองค์มีพระโรคาอาพาธน้อยหรือไม่  พระองค์มีความปริวิตกน้อยหรือไม่  พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรงดีหรือไม่  พระสาวกของพระองค์ถูกรบกวนโดยพวกมาร พวกเทวดา พวกผี  พวกรากษส  พวกภูต  พวกกุมภัณฑ์ พวกปีศาจ  พวกเปรต พวกอสูร พวกครุฑ  พวกเปรตผู้หิวโหย พวกคนธรรพ์  พวกผีแพร่เชื้อโคในวันเดียว พวกผีที่แพร่เชื้อโชคในสองวัน พวกผีที่แพร่เชื้อโชคในสามวัน พวกผีที่แพร่เชื้อโชคในสี่วัน หรือพวกผีที่แพร่เชื้อโชคในเจ็ดวัน พวกผีที่แพร่เชื้อโรคอยู่บ่อยๆ เป็นต้น หรือไม่

พระอมิตาภะคตาคตได้ส่งข้าพระองค์ทั้งสองให้นำธารณีนี้มาทูลถวายแด่พระองค์  เพื่อจะทำให้สรรพสัตว์ของมนุษยโลก(สหโลก)มีความสงบสุขในสังสารวัฏชั่วกาลนาน และเพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูลทางคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านพละกำลังทางร่างกายและเกียรติยศแก่พวกเขา

จากนั้นพระโพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้น ก็ได้กราบทูลธารณีตามที่กล่าวข้างต้นนั้น

ในขณะนั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้า ได้ตรัสกะพระอานนท์ว่า เธอจงรับและทรงจำธารณีนี้ไว้เถิด  จงท่องบ่นภาวนาให้ขึ้นใจ แล้วจงไปอธิบายธรณีนี้แก่ผู้อื่น จงเขียน และจงบูชาธรณีนี้  เพราะเหตุไร? เพราะการมาปรากฏของพระพุทธเจ้าในโลกนี้เป็นการยาก แต่การที่จะได้มีโอกาสได้ทรงจำธรณีนี้ยิ่งยากยิ่งขึ้น ดูก่อนอานนท์ หากผู้ใดทรงจำก็ดี อ่านก็ดี  ท่องบ่นธารณีนี้ให้ขึ้นใจก็ดี ผู้นั้นจะประสบความสวัสดีและได้อานิสงส์มากหลาย

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เจ้าแม่กวนอิมเป็นเพศชายหรือเพศหญิงกันแน่

เจ้าแม่กวนอิมเป็นเพศชายหรือเพศหญิงกันแน่


พระอวโลกิเกศวรมหาโพธิสัตว์ ท่านปรากฏร่างได้หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพศชายในพุทธศาสนาแบบอินเดียและในพุทธศาสนาแบบทิเบต เมื่อพระอวโลกิเตศวรถูกนำเข้าไปในจีนในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ชาวจีนได้ทำให้พระอวโลกิเตศวรมีเพศเป็นหญิง มีนามว่า กวน  ชีห์ ยิน บ้าง กวนยิน บ้าง ที่มีความต่างกันเป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละสังคมมีความเห็นเกี่ยวกับผู้หญิงและผู้ชายต่างกัน ในสังคมอินเดียถือว่าผู้ชายเป็นใหญ่ในครอบครัว ส่วนในจีนถือว่าผู้หญิงเป็นใหญ่  ในบรรดามหาโพธิสัตว์ของศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน จะมีก็แต่พระอวโลกิเตศวรนี้เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงเพศได้ นับแต่ราชวงศ์หยวนเป็นต้นมา รูปร่างของกวนอิมถูกแปลงโฉมเป็นรูปของหญิงงามมือถือแจกันบรรจุน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์

เจ้าแม่กวนอิมมีร่างเป็นอะไรบ้าง

เจ้าแม่กวนอิมมีร่างเป็นอะไรบ้าง


เจ้าแม่กวนอิมนอกจากจะมีร่างเป็นหญิงงามมือถือแจกันบรรจุน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เจ้าแม่กวนอิมท่านก็ยังมีร่างเป็นหญิงพันหัตถ์และพันเนตร ในบางครั้งบางเวลา เจ้าแม่กวนอิมก็ยังมีร่างเป็นหญิงสาวอุ้มเด็กมีหญิงรับใช้เดินตามคล้ายกับพระแม่มารีของทางศาสนาคริสต์ บางครั้งเจ้าแม่กวนอิมก็จะมีร่างเป็นหญิงสาวยืนอยู่บนปุยเมฆ หรือไม่ก็มีร่างเป็นหญิงขี่บนหลังมังกรอยู่ตรงหน้าน้ำตก หากเป็นเจ้าแม่กวนอิมของทะเลใต้  ท่านก็จะยืนอยู่บนหน้าผาท่ามกลางคลื่นทะเลที่บ้าคลั่ง เพื่อคอยช่วยเหลือบุคคลที่ประสบภัยจากเรืออับปางในท้องทะเล

เจ้าแม่กวนอิมและความเชื่อของชาวจีนระดับชาวบ้าน

เจ้าแม่กวนอิมและความเชื่อของชาวจีนระดับชาวบ้าน


เจ้าแม่กวนอิม เป็นเทพธิดาที่ได้รับความเคารพนับถือในหมู่ของชาวจีนเป็นอันมาก ทั้งชาวจีนในผืนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้


ที่เจ้าแม่กวนอิมได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนโดยทั่วไปก็มาจากที่เจ้า แม่กวนอิม มีความรัก ความเมตตาและความกรุณาอย่างปราศจากเงื่อนไขนั่นเอง


เจ้าแม่กวนอิมได้รับความนับถือว่าเป็นผู้ปกปักรักษาสตรีและเด็ก ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อด้วยว่าท่านเป็นผู้สามารถประทานบุตรให้แก่หญิงที่ต้องการบุตรได้


ในตำนานของจีนโบราณเล่าว่ามีหญิงผู้หนึ่งต้องการจะมีบุตรจึงได้ยืมรองเท้าของเพื่อนบ้านไปบนเจ้าแม่กวนอิมที่ศาลเจ้าของเจ้าแม่แห่งหนึ่ง การณ์ต่อมานางก็ได้บุตรจริงๆ 


ด้วยเหตุนี้ ในบางครั้งเราก็จะเห็นผู้หญิงที่ต้องการบุตรไปยืมรองเท้าของหญิงเพื่อนบ้านแล้วนำไปบนเจ้าแม่กวนอิม และพอนางตั้งครรภ์และคลอดบุตรแล้ว นางก็จะนำรองเท้าคู่เก่าที่นำไปบนเจ้าแม่กวนอิมคู่นั้นพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่อีก 1 คู่ไปมอบให้แก่เจ้าของรองเท้าเป็นการขอบคุณ


เจ้าแม่กวนอิมยังเป็นเคารพนับถือว่าเป็นผู้ปกปักรักษาและคุ้มครองบรรดาผู้ทุกข์ได้ยากและผู้โชคร้ายทั้งหลายได้ด้วย


อย่างเช่น ชาวจีนที่ตามฝั่งทะเลมีความเชื่อว่า เจ้าแม่กวนอิม เป็นผู้ปกป้องคุ้มครองชาวประมง  กลาสีเรือ ตลอดจนผู้ออกทะเลทั้งหลาย


ชาวจีนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า มาซู เทพธิดาทะเลของของศาสนาเต๋า เป็นองค์อวตารของเจ้าแม่กวนอิม


เจ้าแม่กวนอิม ยังมีความเกี่ยวข้องกับตำนานน้ำท่วมโลก (Great Flood) โดยในตำนานกล่าวว่าหลังเกิดน้ำท่วมโลกเจ้าแม่กวนอิมส่งสุนัขตัวหนึ่งมานำเมล็ดข้าวใส่ไว้ที่หาง โดยเหตุนี้เอง เจ้าแม่กวนอิมจึงได้รับการนับถือว่าเป็นเทพธิดาแห่งข้าวดุจเดียวกับที่ชาวไทยให้ความนับถือพระแม่โพสพ


ในบางที่บางแห่ง โดยเฉพาะในหมู่นักธุรกิจและในหมู่พ่อค้าแม่ขายชาวจีน จะนับถือเจ้าแม่กวนอิมว่าเป็นเทพธิดาผู้นำโชคมาให้เหมือนแม่นางกวักในหมู่ชาวไทย


และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีความเชื่อในหมู่ชาวจีนว่า เจ้าแม่กวนอิมสามารถให้ความปกป้องคุ้มครองแก่ผู้โดยสารเครื่องบินได้ด้วย

เจ้าแม่กวนอิมและพระแม่มารี

เจ้าแม่กวนอิมและพระแม่มารี


มีชาวจีนไม่น้อยทั้งที่เป็นชาวพุทธและชาวคริสต์ ได้เปรียบเทียบเจ้าแม่กวนอิมว่าเหมือนกับพระแม่มารีพระมารดาของพระเยซูคริสต์ ตัวอย่างเช่น มุลนิธิซูชี(Tzu-Chi) อันเป็นมูลนิธิของชาวพุทธในประเทศจีนไต้หวัน ได้แสดงถึงความเหมือนกันระหว่างเจ้าแม่กวนอิมและพระแม่มารี ทั้งนี้โดยได้แสดงภาพของเจ้าแม่กวนอิมอุ้มทารกไว้ในโรงพยาบาลของมูลนิธิ ซึ่งก็เหมือนกับภาพของมาดอนนากับทารกของชาวโรมันคาทอลิก


ชาวจีนที่ประเทศฟิลิปปินส์ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ก็มีความเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมมีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับพระแม่มารีอีกเหมือนกัน


ในสมัย อีโด ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมัยที่ห้ามศาสนาคริสต์เข้าไปเผยแผ่ในญี่ปุ่นและใครนับถือศาสนาคริสต์ก็จะได้รับโทษประหารชีวิตนั้น พวกชาวจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ในประเทศญี่ปุ่นต้องหลบลงใต้ดินและใช้วิธีนำรูปของเทพธิดาแคนนอน(เหมือนกับเจ้าแม่กวนอิม)มาบูชาแทนพระแม่มารี

หนังสือชีวประวัติและพระคาถาเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์

มีจำหน่ายที่สายส่งดวงแก้ว ราคาเล่มละ ๑๐ บาท ติดต่อคุณหนึ่ง ที่เบอร์โทร ๐๒-๘๖๔-๐๔๓๔ และ ๐๒-๘๖๔-๐๔๓๕