วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มหาอานิสงส์ของการสวดมหากรุณาธรณีสูตรจะทำให้ตายดีและมีชาติกำเนิดที่ดี

มหาอานิสงส์ของการสวดมหากรุณาธรณีสูตรจะทำให้ตายดีและมีชาติกำเนิดที่ดี



พระอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์ กราบทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า
เทวาและมนุษย์ทั้งหลายผู้สวดและทรงจำมหากรุณาธารณีสูตรนี้ได้ จักเป็นผู้ได้ชาติกำเนิดที่ดีและจักได้ประสบกับความทุกข์อันเกิดจากการตายที่ไม่ดี 15 ชนิด

สำหรับการตายไม่ดี 15 ชนิด ได้แก่:
1.ตายเพราะความอดอยากและความยากจน
2.ตายเพราะถูกจองจำคุก จองจำขื่อคา ถูกทุบตี
3.ตายเพราะน้ำมือของศัตรูคู่อาฆาต
4.ตายในสมรภูมิรบ
5.ตายเพราะถูกสัตว์ลั่งหาร เช่น เสือ สุนัขป่าและสัตว์ร้ายอื่นๆ
6. ตายเพราะพิษร้ายของงูพิษ และแมลงป่อง
7.ตายเพราะจมน้ำหรือถูกไฟลวก
8.ตายเพราะโดนยาพิษ
9.ตายเพราะแมงขบกัด
10.ตายเพราะเป็นบ้าเสียสติ
11.ตายเพราะดินถล่มหรือตกต้นไม้
12.ตายเพราะฝันร้ายที่ถูกคนร้ายคนชั่วส่งเข้ามาทำร้าย
13.ตายเพราะวิญญาณร้ายหรือภูตผีปีศาจกระทำ
15.ตายเพราะโรคร้าย
17.ตายเพราะฆ่าตัวตาย


ผู้ที่ท่องบ่นและทรงจำมหากรุณาธารณีสูตรนี้ได้  เมื่อตายจากโลกนี้แล้วจะได้ชาติกำเนิดที่ดี 15 ชนิด ได้แก่:

1.ในที่ไปเกิดจะมีพระราชาหรือผู้ปกครองที่ดีเสมอ
2.จะไปเกิดในประเทศที่ดีเสมอ
3.จะไปเกิดในกาลสมัยที่ดีเสมอ
4.จะได้พบกับกัลยาณมิตรเสมอ
5.จะมีอวัยวะครบถ้วนไม่พิกลพิการ
6.จะมีดวงจิตมุ่งสู่โพธิญาณที่บริสุทธิ์และแรงกล้า
7.จะไม่ล่วงละเมิดศีล
8.จะมีมวลหมู่ญาติที่มีแต่ความกรุณาปรานีและสมัครสมานสามัคคีปรองดองกัน
9.จะมีทรัพย์สินมั่งคั่งเนืองนองพอกพูนเสมอ
10.จะได้ความเคารพและความช่วยเหลือเกื้อกูลจากผู้อื่นเสมอ
11.จะไม่ถูกโจรปล้นทรัพย์สิน
12.จะสมประสงค์ในทุกสิ่งต้องการ
13.จะได้ความปกป้องคุ้มครองจากมังกร เทวดาและวิญญาณที่ดีเสมอ
14.จะได้พบกับพระพุทธเจ้าและได้ฟังธรรมะของพระองค์ในที่ที่ไปเกิด
15. จะได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะตามสมควรแก่ธรรมที่ตนได้สดับตรับฟังแล้วนั้น

มหากรุณาธรณีสูตรสำหรับสวดในภาคภาษาสันสกฤต

มหากรุณาธรณีสูตรสำหรับสวดในภาคภาษาสันสกฤต


พระอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์กราบทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า ผู้ที่สวดและทรงจำมหากรุณาธรณีสูตรนี้ได้ จะไปสู่สุคติทุกสถาน เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายพึงสวดและทรงจำมหากรุณาธรณีสูตรนี้ไว้อย่างสม่ำเสมออย่าได้ท้อแท้เกียจคร้าน  หลังจากกราบทูลเช่นนี้แล้ว ก็ได้พนมมือขึ้นถวายความเคารพพระพุทธเจ้า แล้วลุกขึ้นยืนอยู่เบื้องหน้าสมาคมของพุทธบริษัท แล้วแผ่ดวงจิตอันเป็นมหากรุณาธิคุณให้แก่ปวงสรรพสัตว์ แสดงอาการยิ้มแย้มออกมาให้ปรากฏ แล้วกล่าวมหากรุณาธรณีสูตรไว้ดังนี้ :

นะโม ระตะนะ-ตระยายะ
นะโมอาริยะ-วะโรกิเต-ศวะรายะ
โพธิ-สัตวายะ
มะหา-สัตวายะ
มะหา-การุณิกายะ
โอม สะระวะ  ระภะเย สุธนทัสยะ
นะโม  สะกริตวะ อิมัม
อาระยะ-วะโลกิเต-ศวะระ รัมธะวะ
นะโม นะระกินทิ หริหะ
มะหา-วะธะ-สวา-เม
สะวระ-อะระถะโต-ศุภัม-อะเชยัม
สรวะ-สะตะ-นะโม -วะสัต
นะโม-วากะ มะวิตาโต
ตัทยะถา
โอม อะวะโลกิ-โลกะเต-กะระเต-เอ-หริหะ
มะหา โพธิสัตวะ
สรวะ สระวะ
มะละ มะละ
มะหิ มะหิ  ริทะยัม
กุรุ กุรุ กะระมัม
ธุรุ ธุรุ วิชะยะเต
มะหา-วิชะยะติ-ธะระ-ธะระ-ธะรินิ
ศะวะรายะ จะละ จะละ
มะมะ วิมะละ มุกเตเล
เอหิ เอหิศินะศินะ อาระสัม ประสะริ
วิศวะ วิศวาม ประสะยะ
หุลุ หุลุ มะระ
หุลุ หุลุ หริหะ
สะระ สะระ สิริ สิริ สุรุ สุรุ
โพธิยะ โพธิยะ
โพธะยะ โพธะยะ
ไมเตรยะ นะระกินทิ  ธริศ-นินะ
ภะยะมะนะ สวาหา
สิทธายะ สวาหา
มะหา สิทธายะ สวาหา
สิทธา-โยเค-ศวะระยะ สวาหา
นะระกินทิ สวาหา
มาระนะระ สวาหา
ศิระ สิมหะ-มุขายะ-สวาหา
สรวะ มะหา-อสิทธะยะ สวาหา
จักระ-อสิทธายะ สวาหา
ปัทมะ-กัสตายะ สวาหา
นะระกินทิ-วะคะลายะ สวาหา
มะวะริ-ศังขะรายะ สวาหา
นะโม ระตะนะ-ตระยายะ
นะโมอาระยะ-วะโลกิเต-ศวะรยะ สวาหา
โอม  สิทธะยันตุ มันตระ ปะทายะ สวาหา.

ประวัติความเป็นมาของมหากรุณาธารณีสูตร


ประวัติความเป็นมาของมหากรุณาธารณีสูตร


มหากรุณาธารณีสูตร มีแหล่งความเป็นมาหลากหลาย ตามนิกายคติความเชื่อความนับถือของศาสนิกชนชาวพุทธมหายาน ที่นำมาเสนอต่อไปนี้คือประวัติความเป็นมาของมหากรุณาธารณีสูตรจากแหล่งข้อมูลหนึ่งที่เดิมเป็นภาษาอังกฤษและข้าพเจ้าได้แปลเป็นภาษาไทยดังต่อไปนี้:

ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้:


สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเชตวันนครสวัตถี อันเป็นสวนของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี  พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่จำนวน 1250 รูปและหมู่พระมหาโพธิสัตว์จำนวน 40,000  องค์ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเหล่าทวยเทพมากหลายซึ่งมีจำนวนถึง 84,000 องค์พร้อมด้วยบุตรและญาติๆของทวยเทพต่างก็ได้มาอยู่ในที่ชุมนุมนี้ด้วย  ทวยเทพเหล่านี้ได้แก่  ท้าวมหาพรหมเจ้าแห่งพรหมโลก พระราชาแห่งมนุษยโลก(สหโลก)  ท้าวสักกะเทวราช ผู้เป็นเวราชาแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 คือ ท้าว ธตรฐ  ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ ท้าวกุเวร รวมทั้งขุนพลยักษ์ผู้ใหญ่จำนวน 28 ตน  เป็นต้น

ในครั้งนั้นพุทธกาลได้ผ่านพ้นไปได้หลายแสนโกฏิปี ที่โลกแห่งหนึ่งนามว่า นานาบุษปโลก  เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระอมิตาภะตถาคต  พระองค์เป็นพระอรหันต์ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ได้แสดงงธรรมต่างๆในสมัยนั้น พระองค์ได้ตรัสเรียกให้พระโพธิสัตว์ 2 องค์ คือ พระโพธิสัตว์นามว่า มหาภะ และพระโพธิสัตว์นามว่า อมิตาภะให้มาเฝ้า แล้วตรัสว่า

ดูก่อนท่านผู้เจริญ ท่านทั้งสองพึงไปสู่มนุษยโลก(สหโลก)แล้วแสดงธรณีนี้แก่พระศากยะมุนี ธารณีนี้มีประโยชน์มาก  ให้ประโยชน์และความสุขแก่สรรพสัตว์ในสังสารวัฏชั่วกาลนาน กับทั้งจะเอื้อประโยชน์ทางคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านพละกำลังร่างกายและทางด้านเกียรติยศแก่สรรพสัตว์เหล่านั้น

 จากนั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อไปว่า :

 ตะทะยะตะ  โปโรสุลิ  สุลิ  ลิสะ โมทิ  มะหา-โสโมทิ  โสมันทิ  มะหา-โสมันทิ  โสลิ โสโลลิ  สวาหะ


พระโพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้นเมื่อรับธรณีนี้จากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้ว และเพื่อให้ธรณีนี้เกิดประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ตามความประสงค์ของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นนั้น จึงได้ออกจากพุทธโลกอันมีนามว่านานาบุปผพุทธโลกนั้น มุ่งตรงมายังสวนพระเชตวันของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี

พระโพธิสัตว์ทั้งสององค์ได้เข้าไปเฝ้าพระศากยมุนีพุทธเจ้ายังที่ประทับ ได้น้อมกายถวายอภิวาท ณ ที่เบื้องบาทของพระองค์ เสร็จแล้วถอยมายืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลพระพุทธองค์ว่า:

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อกาลแห่งพระพุทธเจ้าล่วงมาแล้วแสนโกฏิปี มีโลกแห่งหนึ่งนามว่านานาบุษปะพุทธโลก  พระพุทธเจ้าแห่งโลกนี้มีพระนามว่าพระอมิตาภะตถาคต  พระองค์เป็นพระอรหันต์ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสธรณีนี้  และพระองค์ได้ส่งข้าพระองค์ทั้งสองมาที่ที่เพื่อกราบทูลถามว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า  พระองค์มีพระโรคาอาพาธน้อยหรือไม่  พระองค์มีความปริวิตกน้อยหรือไม่  พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรงดีหรือไม่  พระสาวกของพระองค์ถูกรบกวนโดยพวกมาร พวกเทวดา พวกผี  พวกรากษส  พวกภูต  พวกกุมภัณฑ์ พวกปีศาจ  พวกเปรต พวกอสูร พวกครุฑ  พวกเปรตผู้หิวโหย พวกคนธรรพ์  พวกผีแพร่เชื้อโคในวันเดียว พวกผีที่แพร่เชื้อโชคในสองวัน พวกผีที่แพร่เชื้อโชคในสามวัน พวกผีที่แพร่เชื้อโชคในสี่วัน หรือพวกผีที่แพร่เชื้อโชคในเจ็ดวัน พวกผีที่แพร่เชื้อโรคอยู่บ่อยๆ เป็นต้น หรือไม่

พระอมิตาภะคตาคตได้ส่งข้าพระองค์ทั้งสองให้นำธารณีนี้มาทูลถวายแด่พระองค์  เพื่อจะทำให้สรรพสัตว์ของมนุษยโลก(สหโลก)มีความสงบสุขในสังสารวัฏชั่วกาลนาน และเพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูลทางคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านพละกำลังทางร่างกายและเกียรติยศแก่พวกเขา

จากนั้นพระโพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้น ก็ได้กราบทูลธารณีตามที่กล่าวข้างต้นนั้น

ในขณะนั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้า ได้ตรัสกะพระอานนท์ว่า เธอจงรับและทรงจำธารณีนี้ไว้เถิด  จงท่องบ่นภาวนาให้ขึ้นใจ แล้วจงไปอธิบายธรณีนี้แก่ผู้อื่น จงเขียน และจงบูชาธรณีนี้  เพราะเหตุไร? เพราะการมาปรากฏของพระพุทธเจ้าในโลกนี้เป็นการยาก แต่การที่จะได้มีโอกาสได้ทรงจำธรณีนี้ยิ่งยากยิ่งขึ้น ดูก่อนอานนท์ หากผู้ใดทรงจำก็ดี อ่านก็ดี  ท่องบ่นธารณีนี้ให้ขึ้นใจก็ดี ผู้นั้นจะประสบความสวัสดีและได้อานิสงส์มากหลาย

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เจ้าแม่กวนอิมเป็นเพศชายหรือเพศหญิงกันแน่

เจ้าแม่กวนอิมเป็นเพศชายหรือเพศหญิงกันแน่


พระอวโลกิเกศวรมหาโพธิสัตว์ ท่านปรากฏร่างได้หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพศชายในพุทธศาสนาแบบอินเดียและในพุทธศาสนาแบบทิเบต เมื่อพระอวโลกิเตศวรถูกนำเข้าไปในจีนในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ชาวจีนได้ทำให้พระอวโลกิเตศวรมีเพศเป็นหญิง มีนามว่า กวน  ชีห์ ยิน บ้าง กวนยิน บ้าง ที่มีความต่างกันเป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละสังคมมีความเห็นเกี่ยวกับผู้หญิงและผู้ชายต่างกัน ในสังคมอินเดียถือว่าผู้ชายเป็นใหญ่ในครอบครัว ส่วนในจีนถือว่าผู้หญิงเป็นใหญ่  ในบรรดามหาโพธิสัตว์ของศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน จะมีก็แต่พระอวโลกิเตศวรนี้เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงเพศได้ นับแต่ราชวงศ์หยวนเป็นต้นมา รูปร่างของกวนอิมถูกแปลงโฉมเป็นรูปของหญิงงามมือถือแจกันบรรจุน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์

เจ้าแม่กวนอิมมีร่างเป็นอะไรบ้าง

เจ้าแม่กวนอิมมีร่างเป็นอะไรบ้าง


เจ้าแม่กวนอิมนอกจากจะมีร่างเป็นหญิงงามมือถือแจกันบรรจุน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เจ้าแม่กวนอิมท่านก็ยังมีร่างเป็นหญิงพันหัตถ์และพันเนตร ในบางครั้งบางเวลา เจ้าแม่กวนอิมก็ยังมีร่างเป็นหญิงสาวอุ้มเด็กมีหญิงรับใช้เดินตามคล้ายกับพระแม่มารีของทางศาสนาคริสต์ บางครั้งเจ้าแม่กวนอิมก็จะมีร่างเป็นหญิงสาวยืนอยู่บนปุยเมฆ หรือไม่ก็มีร่างเป็นหญิงขี่บนหลังมังกรอยู่ตรงหน้าน้ำตก หากเป็นเจ้าแม่กวนอิมของทะเลใต้  ท่านก็จะยืนอยู่บนหน้าผาท่ามกลางคลื่นทะเลที่บ้าคลั่ง เพื่อคอยช่วยเหลือบุคคลที่ประสบภัยจากเรืออับปางในท้องทะเล

เจ้าแม่กวนอิมและความเชื่อของชาวจีนระดับชาวบ้าน

เจ้าแม่กวนอิมและความเชื่อของชาวจีนระดับชาวบ้าน


เจ้าแม่กวนอิม เป็นเทพธิดาที่ได้รับความเคารพนับถือในหมู่ของชาวจีนเป็นอันมาก ทั้งชาวจีนในผืนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้


ที่เจ้าแม่กวนอิมได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนโดยทั่วไปก็มาจากที่เจ้า แม่กวนอิม มีความรัก ความเมตตาและความกรุณาอย่างปราศจากเงื่อนไขนั่นเอง


เจ้าแม่กวนอิมได้รับความนับถือว่าเป็นผู้ปกปักรักษาสตรีและเด็ก ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อด้วยว่าท่านเป็นผู้สามารถประทานบุตรให้แก่หญิงที่ต้องการบุตรได้


ในตำนานของจีนโบราณเล่าว่ามีหญิงผู้หนึ่งต้องการจะมีบุตรจึงได้ยืมรองเท้าของเพื่อนบ้านไปบนเจ้าแม่กวนอิมที่ศาลเจ้าของเจ้าแม่แห่งหนึ่ง การณ์ต่อมานางก็ได้บุตรจริงๆ 


ด้วยเหตุนี้ ในบางครั้งเราก็จะเห็นผู้หญิงที่ต้องการบุตรไปยืมรองเท้าของหญิงเพื่อนบ้านแล้วนำไปบนเจ้าแม่กวนอิม และพอนางตั้งครรภ์และคลอดบุตรแล้ว นางก็จะนำรองเท้าคู่เก่าที่นำไปบนเจ้าแม่กวนอิมคู่นั้นพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่อีก 1 คู่ไปมอบให้แก่เจ้าของรองเท้าเป็นการขอบคุณ


เจ้าแม่กวนอิมยังเป็นเคารพนับถือว่าเป็นผู้ปกปักรักษาและคุ้มครองบรรดาผู้ทุกข์ได้ยากและผู้โชคร้ายทั้งหลายได้ด้วย


อย่างเช่น ชาวจีนที่ตามฝั่งทะเลมีความเชื่อว่า เจ้าแม่กวนอิม เป็นผู้ปกป้องคุ้มครองชาวประมง  กลาสีเรือ ตลอดจนผู้ออกทะเลทั้งหลาย


ชาวจีนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า มาซู เทพธิดาทะเลของของศาสนาเต๋า เป็นองค์อวตารของเจ้าแม่กวนอิม


เจ้าแม่กวนอิม ยังมีความเกี่ยวข้องกับตำนานน้ำท่วมโลก (Great Flood) โดยในตำนานกล่าวว่าหลังเกิดน้ำท่วมโลกเจ้าแม่กวนอิมส่งสุนัขตัวหนึ่งมานำเมล็ดข้าวใส่ไว้ที่หาง โดยเหตุนี้เอง เจ้าแม่กวนอิมจึงได้รับการนับถือว่าเป็นเทพธิดาแห่งข้าวดุจเดียวกับที่ชาวไทยให้ความนับถือพระแม่โพสพ


ในบางที่บางแห่ง โดยเฉพาะในหมู่นักธุรกิจและในหมู่พ่อค้าแม่ขายชาวจีน จะนับถือเจ้าแม่กวนอิมว่าเป็นเทพธิดาผู้นำโชคมาให้เหมือนแม่นางกวักในหมู่ชาวไทย


และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีความเชื่อในหมู่ชาวจีนว่า เจ้าแม่กวนอิมสามารถให้ความปกป้องคุ้มครองแก่ผู้โดยสารเครื่องบินได้ด้วย

เจ้าแม่กวนอิมและพระแม่มารี

เจ้าแม่กวนอิมและพระแม่มารี


มีชาวจีนไม่น้อยทั้งที่เป็นชาวพุทธและชาวคริสต์ ได้เปรียบเทียบเจ้าแม่กวนอิมว่าเหมือนกับพระแม่มารีพระมารดาของพระเยซูคริสต์ ตัวอย่างเช่น มุลนิธิซูชี(Tzu-Chi) อันเป็นมูลนิธิของชาวพุทธในประเทศจีนไต้หวัน ได้แสดงถึงความเหมือนกันระหว่างเจ้าแม่กวนอิมและพระแม่มารี ทั้งนี้โดยได้แสดงภาพของเจ้าแม่กวนอิมอุ้มทารกไว้ในโรงพยาบาลของมูลนิธิ ซึ่งก็เหมือนกับภาพของมาดอนนากับทารกของชาวโรมันคาทอลิก


ชาวจีนที่ประเทศฟิลิปปินส์ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ก็มีความเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมมีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับพระแม่มารีอีกเหมือนกัน


ในสมัย อีโด ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมัยที่ห้ามศาสนาคริสต์เข้าไปเผยแผ่ในญี่ปุ่นและใครนับถือศาสนาคริสต์ก็จะได้รับโทษประหารชีวิตนั้น พวกชาวจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ในประเทศญี่ปุ่นต้องหลบลงใต้ดินและใช้วิธีนำรูปของเทพธิดาแคนนอน(เหมือนกับเจ้าแม่กวนอิม)มาบูชาแทนพระแม่มารี

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(1)

ชีวประวัติ เจ้าแม่กวนอิม(1) 

พระนามกวานยิน


กวานยิน เป็นสำเนียงโพวทงหรือก๊กกื้อ(ซึ่งไทยเราเรียกว่าภาษา กลาง หรือภาษาแมนดาริน ศัพท์ในภาษาอังกฤษอย่างเก่าเรีกว่าภาษา Mandarin แต่ศัพท์ทันสมัยที่สุดเรียกว่า (National language) ส่วนชาวจีนแต้จิ๋วเรียกว่า กวนอิมเนี้ย แต่ไหหลำเรียกว่า กวันเอียมโผ่ หรือ กวันเอียมเหนี่ยว ฯลฯ การที่ข้าพเจ้าเลือกเอาภาษาโพวทง ก็ด้วยเหตุที่เห็นว่าเป็นภาษาที่โลกนิยม ทั้งชาวจีนทั่วไปก็รับรองว่าเป็นภาษาที่แท้ของชาติจีน อนึ่ง ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า เวลานี้รัฐบาลจีนภาคใต้กำลังจะออกบัญญัติไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่รู้ภาษาโพวทงเป็นครูในประเทศจีนเป็นอันขาด(จะรวมชาวต่างประเทศด้วยหรือไม่ข้าพเจ้าไม่ทราบแน่) และโรงเรียนทุกโรงจะต้องสอนเป็นภาษาโพวทง


กวนอินเนี้ย เป็นนามที่ชาวจีนรู้จักกันอยู่ทั่วไป แม้ชาวไทยก็ออกจะชินๆหูอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเราถามคนจีนว่ากวนอิมเนี้ยเป็นอะไร เราจะได้รับคำตอบว่าเป็น เจ้า บ้าง เป็น พระพุทธเจ้า บ้าง เป็น เทพหรือเซียนบ้าง ต่างๆกัน ซึ่งที่แท้กวนอิมเนี้ยก็คือ เทพธิดาหรือเซียนแห่งความเมตตากรุณา นั่นเอง แต่จะสืบเนื่องเกี่ยวพันกับเทพของพราหมณ์หรือของโรมันและกรีกหรือไม่นั้น ข้าพเจ้าผู้ขาดความรู้ในเรื่องสวรรค์ชั้นฟ้าจะออกความเห็น เอาไว้ให้ผู้รู้ในเรื่องพรรณ์นี้เป็นผู้วิเคราะห์เถิด แต่อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะความเจริญของจีนในโบราณสมัยเป็นอิสระ การสืบเนื่องเกี่ยวพันกับโลกภายนอกแทบจะกล่าวได้ว่าไม่มี


วิหารหรือศาลสำหรับประดิษฐานเทวรูปกวานยินมีดาษดื่นในประเทศจีน แต่ที่งามสง่าที่สุดมีอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีข้อความบรรยายโดยละเอียดอยู่ในหนังสือเรื่องของประเทศจีนแล้ว ข้าพเจ้าไม่อยากจะกล่าวให้ซ้ำซากอีก เทวรูปกวานยินที่ปั้นด้วยดินสำหรับทำถ้วยชามก็มีขายอยู่ในท้องตลาดของเมืองไทยเกลื่อนกลาด


นิยายเรื่องเจ้าหญิงกวานยินหรือเทพธิดากวานยินที่ข้าพเจ้าจะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงซึ่งระคนปนคละต่อแต้มเพิ่มเติมด้วยฝอยตามแบบโบราณวรรณวิจิตรของจีน หรือจะเป็นแต่เพียงนิยายก็เหลือความสามารถที่ข้าพเจ้าจะสืบสวนค้นคว้าวินิจฉัยให้ทราบโดยถ่องแท้ได้ ขอท่านผู้อ่านจงวิเคราะห์เอาเค้าตามเรื่องและถ้อยกระทงความของเรื่องนี้เถิด

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม (2)

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม (2)

เจ้าหญิงกวานอิน


ในกาลครั้งหนึ่ง กษัตริย์ผู้ครองประเทศจีนพระองค์หนึ่ง มีพระราชธิดาอยู่ ๓ องค์ พระราชธิดาพระองค์น้อยที่สุดมีพระลักษณะงดงามทั้งคุณสมบัติอันดีเลิศเยี่ยมกว่าพระพี่นางทั้ง 2 พระราชาเฒ่าทรงปลื้มเปรมพระทัยในพระราชธิดาของพระองค์เป็นล้นพ้น เพราะมวลสตรีที่พำนักอยู่ในพระราชวังทั้งอดีตและปรัตยุบัน จะมีใครที่มหาชนติดเนื้อต้องใจเท่าเทียมพระราชธิดาพระองค์น้อยของพระองค์ก็หาไม่ ฉะนั้นพระองค์จึงมิได้ปล่อยกาลให้ล่วงไปโดยนิ่งนอนพระทัย พระองค์ทรงตัดสินตกลงพระทัยอย่างเด็ดเดี่ยวว่าพระราชธิดาพระองค์นี้ จะต้องเป็นผู้สืบราชสมบัติของพระองค์ และพระสวามีของพระนางจะต้องขึ้นครองราชย์ครอบครองพระราชอาณาจักรแทนพระองค์สืบไป แต่ต้องกล่าวด้วยความหลากจิตว่า พระนางหาทรงปลื้มเปรมพระทัยในพระบุณยลาภนี้ไม่ พระนางมิได้ทรงฝักใฝ่ในพระอำนาจบุญราศี และความบริบูรณ์พูนสุขแห่งราชภาพ พระนางทรงเห็นล่วงหน้าว่า การดำรงตำแหน่งพระราชินีของพระนางคงต้องทำให้พระนางไร้พระสำราญ และทั้งทรงหวาดหวั่นพระทัยว่า การดำรงฐานะอันสูงศักดิ์อาจบันดาลให้ความรู้สึกของพระนางผิดแผกแตกต่างไปจากธรรมดา และไร้พระสุขเป็นเที่ยงแท้



พระนางทรงร่ำเรียนเขียนอ่านอยู่ในห้องพระบรรทมของพระนางทุกทิวาราตรีกาล ผลแห่งพระอุตสาหวิริยภาพ ในไม่สู้ช้านักพระนางก็รอบรู้สรรพวิชชายิ่งยวดกว่าพระพี่นางทั้ง 2 และพระนามของพระนางก็กระเดื่องเลื่องลือไปทั่วขอบขัณฑสีมามณฑล ประชาชนพลเมืองต่างก็แซ่ซ้องสรรเสริญในพระสติปัญญาอันหลักแหลมของพระนาง นอกจากทรงฝักใฝ่ในพระอักษรแล้ว พระนางยังได้ทรงมีอัธยาศัยไมตรีจิตต่อมิตรทั้งปวง เป็นที่น่าเยินยอยิ่งนัก พระนางทรงระแวดระวังในพระจริยาวัตรทั้งในที่เปิดเผยและในที่ลับ พระทัยอันชุ่มชื้นของพระนางได้บานแย้มอยู่ทุกขณะจิตเพื่อต้อนรับผู้ที่มีทุกข์พิบัติอุปัทวันตรายทั้งปวง พระนางทรงมีเมตตากรุณาต่อผู้ทุกข์เข็ญยากจนข้นแค้นไม่เลือกหน้า ผองชนผู้ยากต่างมีจิตสวามิภักดิ์รักใคร่บูชาเสมือนพระนางเป็นเทพธิดาผู้ทรงดูแลความทุกข์ยาก หิวโหยของปวงเขาฉะนั้น บางคนถึงแก่เชื่อเอาเป็นจริงว่าพระนางเป็นเทพธิดาจุติลงมาจากสวรรค์เบื้องประจิมทิศ แต่ชนบางเหล่าก็กล่าวว่า ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระนางเสวยพระชาติเป็นเจ้าชายหาใช่เป็นเจ้าหญิงไม่ แต่จะเป็นไปประการไฉนก็ตาม มีอยู่ประการหนึ่งที่เที่ยงแท้ คือกวานยินทรงเป็นสุทธนารี และคำแซ่ซ้องสรรเสริญเยินยอที่ผองชนโปรยปรายทับถมพระนางประดุจห่าฝนนั้นก็นัยว่าเป็นการสมเกียรติโดยแท้

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(3)

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(3)

ไม่มีพระประสงค์จะครองราชย์ราชสมบัติ


อยู่มาวันหนึ่ง พระราชารับสั่งให้พระราชธิดาองค์นี้เข้าไปเฝ้ายังที่ข้างพระบรรทม เพราะพระองค์ทรงตระหนักว่า วาระแห่งการมรณชีพของพระองค์กำลังกระเถิบใกล้เข้ามาเป็นลำดับ เจ้าหญิงกวานยินทรงคุกพระชานุลงเฉพาะพระพักตร์พระราชบิดา แล้วโค้งพระกายลงจนพระนลาฎจรดพื้นห้องพระบรรทม อันเป็นเครื่องหมายสำแดงความเคารพนอบน้อมอย่างสุดซึ้ง พระราชาเฒ่าได้รับสั่งให้พระราชธิดาลุกขึ้นและเขยิบใกล้เข้ามาอีก พระองค์ทรงบรรจงจับพระหัตถ์ของพระนางแล้วตรัสว่า ลูกรักของพ่อ เจ้าทราบดีแล้วมิใช่หรือว่าพ่อรักเจ้าปานใด ความเสงี่ยมหงิมสุภาพราบเรียบ ความมีศีลมีธรรม ปรีชาสามารถและความใคร่ในวิชชาของเจ้า เป็นมูลเหตุทำให้พ่อรักเจ้าเป็นยอดเยี่ยม ขอให้เจ้าทราบเสียแต่ในบัดนี้ว่า พ่อได้เลือกเจ้าเพื่อเป็นผู้สืบราชสมบัติไว้นานแล้ว และได้ตั้งใจไว้ว่าจะให้พระสวามีของเจ้าขึ้นครองราชย์แทนพ่อสืบไป ในไม่ช้าพญามัจจุราชก็จะมาคร่าเอาชีวิตของพ่อให้สูญดับไปจากโลก ฉะนั้นจึงเป็นการจำเป็นโดยแท้ที่การอภิเษกสมรสของเจ้าจะต้องให้มีขึ้นโดยด่วน



นางทูลค้านพระราชบิดาว่า สมเด็จพระบิดาของลูก ขอได้ทรงพระกรุณาแก่ลูกด้วย การมีพระสวามีจะเป็นสิ่งอันพึงปรารถนาของลูก ณ บัดนี้ก็หาไม่


พระราชาเฒ่าทรงปอบพระราชธิดาว่า ยังไม่ถึงกาลอันควรอีกหรือ ทำไม อายุของเจ้าไม่ถึง 18 ปีดอกหรือ ตามธรรมดาสตรีในเมืองเราย่อมทำการสมรสก่อนถึงอายุ 18 ตั้งหลายๆปีมิใช่หรือ เนื่องด้วยเจ้ามีจิตใคร่ในการศึกษา พ่อจึงมิได้เร่งรัดจัดการให้เจ้ามีสามีเสียตั้งแต่อายุของเจ้ายังเยาว์อยู่ ทอดให้วัยแห่งการอภิเษกสมรสของเจ้าล่วงพ้นเลยไปเสียนานปี แต่บัดนี้พ่อจะรั้งรอให้การอภิเษกของเจ้าล่าช้าสืบไปอักไม่ได้แล้ว



นางทรงวิงวอนพระราชบิดาว่า สมเด็จพระบิดา ขอทรงฟังคำวิงวอนของลูกหน่อย ขอสมเด็จพระบิดาอย่าได้ทรงข่มขืนลูกให้ต้องเสียสละความสุขเกษมเลย ขอได้ทรงพระราชานุญาตให้ลูกได้ไปพำนักอยู่ในวัดนางชีอันเป็นที่สงัดเงียบซึ่งลูกจะได้ใช้เป็นสำนักศึกษาสืบไป


เมื่อพระราชาเฒ่าได้ทรงฟังคำวิงวอนของพระราชธิดา ก็ทรงถอนพระราชหฤทัย ตึความรักใคร่ได้เป็นเครื่องกีดกันการที่จะกระทำความช้ำใจให้แก่พระราชธิดา ฉะนั้นพระองค์จึงตรัสแก่พระราชธิดาสืบไปว่า กวานยิน เจ้าจะยอมสละราชสมบัติกระนั้นหรือ เจ้าปรารถนาจะข้าไปพำนักพักพิงวัดนางชี อันเป็นนิวาสน์สถานของปวงสตรีที่หมดอาลัยในชีวิต และที่สละแล้วซึ่งความสุขเกษมแห่งตนหรือลูก ไม่ได้ดอกลูก พ่อจะตามใจให้เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้ พ่อรู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ต้องฝืนใจเจ้า คือต่อจากนี้ไปอีกเดือนหนึ่ง เจ้าต้องทำการอภิเษกสมรสทันที แม้ว่าจะมีข้อค้านติงหรือผัดเพี้ยนประการใด พ่อก็จะไม่ยอมเจ้าเป็นอันขาด ได้ยินไหมลูก พ่อเลือกเฟ้นสามีไว้สำหรับเจ้าแล้ว สามีในอนาคตของลูกเป็นผู้มีจริยาวัตรอันงามพร้อม เจ้ารู้จักนามของเธอแล้ว ถึงหากว่าเจ้าจะยังไม่เคยประสพเธอ ขอให้เจ้าจงจำใส่ใจไว้ว่าความกตัญญูเป็นองค์สำคัญในศตธรรม และเจ้าเป็นหนี้บุญคุณพ่อมากกว่าใครๆในพิภพ



ในทันใดสีพระพักตร์ของเจ้าญิงกวานยินก็ซีดลงๆ พระวรกายสั่นระริกซวนเซล้มลง แต่พระราชมารดาและพระพี่ทั้ง 2 ได้ทรงรับไว้ทัน มิฉะนั้นพระกายของพระนางคงจะฟาดลงกับพื้นอย่างแรง และด้วยการปรนนิบัติพยาบาลอย่างประณีตบรรจงของพระพี่ทั้งสองและพระราชมารดา พระนางจึงทรงฟื้นจากวิสัญญีภาพ


ทุกทิพาราตรีกาลล่วงเลยไปภายในเดือนที่กำหนด บรรดาพระวงศานุวงศ์ ต่างก็วิงวอนพระนางให้เลิกล้มความคิดซึ่งปวงพระญาติทรงเรียกว่า โง่เขลาเบาปัญญา นั้นเสีย ส่วนพระเชษฐภคินีทั้งสองนั้นเล่า ก็ได้เลิกล้มความปรารถนาที่จะดำรงตำแหน่งพระราชินีเสียนมนานแล้ว พระพี่ต่างทรงหลากพระทัยในพระปัญญาอันโง่เขลาของพระขนิษฐภคินียิ่งนัก มนุษย์ใดที่เลือกเอาวัดแทนพระราชบัลลังก์จะไม่ส่อว่ามนุษย์นั้นวิกลจริตกระไรหรือ บรรดาพระญาติทั้งหลายต่างก็ทรงซักไซ้ไล่เลียงพระนางเพื่อจะทรงทราบเหตุผลแห่งการเลือกอย่างมหัศจรรย์ของพระนางไม่หยุดหย่อน ทุกๆคราวพระนางทรงสั่นพระเศียรแล้วทรงตอบว่า มีเทวโองการจากสวรรค์มาถึงหม่อมฉัน ฉะนั้นฉันจะต้องปฏิบัติตามเทวดำรัสนั้น

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(4)

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(4)

พระนางทรงหลบหนีไปพำนักอยู่ที่วัดนางชี


ในสายัณหกาลแห่งวันอภิเษกสมรส เจ้าหญิงกวานยินทรงหลีกหนีออกจากพระราชวัง หลังจากทรงดำเนินด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าพระนางก็บรรลุถึงวัดนางชีซึ่งขนานนามว่า นกนางแอ่นขาว พระนางแต่งกายเยี่ยงคนเข็ญใจและรับสั่งแก่นางสมภารวัดว่า พระนางทรงมีจิตปรารถนาจะอุปสมบัติเป็นนางชี นางสมภารไม่ตระหนักว่าพระนางเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ จึงมิได้รับรองด้วยไมตรีจิต นางสมภารได้กราบทูลเจ้าหญิงกวานยินว่า จะรับพระนางเข้าไว้เป็นนางชียังไม่ได้ก่อน เหตุด้วยไม่มีที่ว่างที่จะให้อยู่ เจ้าหญิงกวานยินทรงกันแสงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญน้ำพระเนตรหลั่งนองพระปรางเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก ในที่สุดนางสมภารก็ยอมรับพระนางไว้ แต่ทว่าพระนางทรงได้รับเกียรติเป็นเพียงนางทาสีสำหรับให้เหล่านางชีอื่นๆช่วงใช้เท่านั้น และพระนางอาจจะถูกขับไล่เสียเวลาใดก็ได้ หากว่าทรงประพฤติผิดเพียงเท่ากระผีกเล็บ



ขณะนั้นเจ้าหญิงกวานยินได้ทรงประสพแล้วซึ่งชีววิถีที่พระนางได้ทรงใฝ่ฝันมาเป็นเวลาช้านาน พระนางทรงพยายามทำพระทัยให้อิ่มเอม แต่บรรดานางชีทั้งหลายดูประหนึ่งว่ามีจิตเจตนาอยากให้พระนางเสวยแต่มหันตทุกขเวทนาไม่ว่างเว้น เขามอบงานอย่างแสนลำบากให้แก่พระนางจนกระทั่งพระนางจะทรงหาเวลาสำราญพระกายสักอึดใจเดียวก็ทั้งยาก พระนางทรงใช้ให้ทำงานวันยังค่ำๆ เป็นต้นว่าหาบน้ำจากบ่อซึ่งอยู่ที่เชิงผาขึ้นไปสู่อารามเบื้องบน และเที่ยวแสวงหาฟืนตามลำเนาไพรใกล้บริเวณอารามยามราตรีกาลขณะที่พระปฤษฎางค์ปวดร้าวเจียนจะแยกแยะออกเป็นชิ้นๆเป็นเสี่ยงพระนางก็ยังต้องถูกมอบหมายงานพิเศษให้กระทำอีกหลายๆอย่าง ถ้าเป็นสตรีอื่นแล้วอย่าหวังเลยว่าจะไม่ต้องอกแตกตาย แต่พระนางทรงหาเป็นเช่นนั้นไม่พระนางมิได้ทรงหวาดหวั่นต่อความทกข์ลำบากยากแค้นทั้งปวง พระนางลืมวิปโยคทุกข์ และทรงพยายามเร้นรอยที่ปรากฏเป็นครั้งคราวบนพระนลาฏอันเนื่องด้วยความปวดเจ็บยอกเสียวเมื่อยล้าเสีย ทั้งทรงพยายามที่จะเปลี่ยนใจของหญิงอำมหิตเหล่านั้นให้กลับรักใคร่เอ็นดูพระนาง พระนางทรงสนองวาจาอันกักขฬะของเขาเหล่านั้นด้วยวาจาอันสุภาพอ่อนหวานละม่อมละไมและมิได้ทรงเปิดหนทางให้ความโกรธเป็นอันขาด

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(5)

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(5)

เสือและมังกรมาช่วยพระนางทำงาน


วันหนึ่งขณะที่เจ้าหญิงกวานยินผู้บากกำลังหาฟืนอยู่ในลำเนาไพร พระนางทรงได้ยินเสียงพยัคฆ์ไต่เต้ามาในสุมทุมไม้ พระนางไม่มีศัสตราวุธใดๆที่จะทรงใช้สำหรับคุ้มครองป้องกันพระองค์ จึงได้แต่ทรงนึกภาวนาวิงวอนให้เทพดาฟ้าดินช่วยปกปักรักษาให้พ้นจากสัตวภัยอยู่ในใจ และทรงคอยดูเจ้าสัตว์ร้ายที่กำลังไต่เต้ามาด้วยอาการอันสงบ น่ามหัศจรรย์ เมื่อสัตว์กระหายโลหิตปรากฏตน แทนที่มันจะกระโดดเข้าตะครุบฉีกพระมังสะของพระนางกินเป็นภักษาหาร มันกลับร้องคำรามเสียงอ่อยๆ มันไม่พยายามที่จะทำอันตรายพระนาง แต่เข้ามาคลุกคลีแสดงกิริยาอาการเป็นมิตร และยอมให้พระนางลูบคลำหัวมันเล่น


ในวันรุ่งขึ้นเจ้าหญิงกวานยินก็เสด็จยังที่นั่นอีก ในวาระนี้พระนางเห็นสัตว์ร้ายมีจำนวนไม่ย่อนกว่า 12 ตัว กำลังระดมกันเก็บฟืนและไม้กราดเพื่อนางโดยแสดงตัวเป็นสหายอันดี เพียงเวลาไม่สู้นานไม้กราดและฟืนก็ถูกนำมาสุมไว้เป็นกองใหญ่พอที่อารามนั้นจะใช้ได้นานราวกึ่งปี นี่แหละแม้แต่สัตว์ดุร้ายแห่งไพรวันก็ยังสามารถพิจารณาเห็นสัมมาปฏิบัติของนางได้ดีกว่าพวกชีเหล่านั้น



อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพระนางกำลังทรงหาบน้ำขึ้นภูเขาด้วยพระอาการกะปลกกะเปลี้ย ซึ่งนับเป็นเที่ยวที่ 20 พระนางต้องเผชิญกับมังกรอันมหึมาตัวหนึ่ง มังกรเป็นสัตว์ที่ประชาชนชาวจีนนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์ แต่เจ้าหญิงกวานยินจะได้ทรงพรั่นพระทัยแม้แต่น้อยก็หาไม่ เพราะพระนางทรงตระหนักว่า พระนางไม่เคยได้ประพฤติทุศีลและอธรรมเลย



สัตว์ประหลาดนั้นได้เพ่งพระนางสักอึดใจ แล้วมันก็กวัดแกว่งแว้งฟาดหางอันน่าสยดสยองและพ่นไฟออกจากช่องจมูก ในบัดดลหาบน้ำที่อยู่บนอังสาก็ถูกมันดุนพลัดตกกระเด็นลง แล้วมันก็อันตรธานสูญหายไป พระนางทรงหวาดพระทัยที่สุดถึงแก่ทรงวิ่งขึ้นภูเขาไปสู่อารามโดยเร็ว พอใกล้ถึงลานภายในแห่งอาราม พระนางต้องสนเท่ห์ที่ได้ทรงเห็นมีเคหาสน์ก่อด้วยศิลาประดิษฐานอยู่ ณ ท่ามกลางที่ว่างเปล่าเพิ่มขึ้น อีกหลังหนึ่ง เคหาสน์หลังนี้ประดิษฐานขึ้นเสร็จแล้วด้วยเดชะอำนาจแห่งเวทมนตร์ตั้งแต่เมื่อพระนางลงจากภูเขาครั้งหลัง ครั้นพระนางทรงดำเนินต่อไปก็ทรงประจักษ์แก่พระเนตรว่าเคหาสน์เทพนิรมิตนี้มีช่องประตู 4 ช่อง เบื้องบนแห่งประตูด้านประจิมทิศมีแผ่นศิลาซึ่งมีตัวอักษรจารึกอยู่บนว่า เพื่อเป็นเกียรติยศแก่กวานยิน เจ้าหญิงผู้ซื่อสัตย์สุจริต ภายในเคหาสน์ยังมีบ่อซึ่งขังน้ำอันใสสะอาดและมีเครื่องกลไกอันประหลาดสำหรับตักน้ำขึ้นจากก้นบ่ออีก กลไกนี้ทั้งเจ้าหญิงกวานยินและปวงนางชีจะได้เคยประสพพบเห็นก็หาไม่



พวกนางชีตระหนักว่าบ่อนิรมิตนี้เป็นอนุสาวรีย์แห่งศีลธรรมอันดีงามของเจ้าหญิงกวานยิน ต่อมาอีกไม่กี่วันการประพฤติปฏิบัติต่อพระนางของเหล่านางชีก็ค่อยดีขึ้นกว่าเดิม เขากล่าวว่า เนื่องจากเทพดาได้ทรงขุดย่อน้ำไว้ภายในอาราม จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้หญิงอนาถาผู้นี้ไปตักน้ำจากตีนผาอีก แต่อย่างไรก็ดี น่าประหลาดนักว่า ใช่เทพดาจารึกนามของแม่ยาจกคนนี้ไว้บนแผ่นศิลาไหมหนอ



เจ้าหญิงกวานยินทรงยินคำสนทนากระซิบกระซาบอันไร้ความเมตตาปรานีของนางชี แน่อน พระนางอาจจะแถลงความหมายแห่งรางวัลที่มังกรเป็นผู้กำนัลได้ แต่พระนางไม่ทรงปรารถนา เพราะทรงสำนึกว่าสู้ปล่อยให้สหายนางชีคงแบกเอาความเขลาไว้ตามเคยไม่ได้ ในที่สุดพวกนางชีผู้มีใจอำมหิตก็เริ่มประพฤติต่อพระนางด้วยอาการอันโหดร้ายอีก และยังซ้ำรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เขาไม่พึงปรารถนาจะเห็นพระนางมีเวลาสำราญหฤทัยแม้แต่เพียงอึดใจเดียว



เขาบงการแด่พระนางว่า นี่แน่ เป็นงานสำหรับเจ้า เราทุกคนต้องทำการงานอาบเหงื่อต่างน้ำเพื่อประทังชีพและผดุงฐานะของเรา ฉะนั้นเจ้าก็ต้องทำดุจเรา โอกาสที่พระนางจะได้ทรงศึกษาและสวดมนต์ภาวนาก็ต้องถูกเขายื้อแย่งเอาไปเสียจนสิ้นเชิง ทั้งเขาไม่ไว้เนื้อเชื่อใจที่จะยินยอมให้พระนางไปข้องแวะกับบ่อนนฤมิตนั้นด้วย

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(6)

ชีวประวัติ เจ้าแม่กวนอิม(6)

ทหารวังมาตามจับให้กลับไปอภิเษกสมรส


ราตรีนั้น นางชีทั้งหลายต้องถูกสำเนียงอันประหลาดปลุกให้ตื่นจากนิทรารมณ์ และในบัดดลก็ได้สำเหนียกเสียงอันดังกังวานสนั่นหวั่นไหวแห่งฆ้องกลองม้าล่อ เสียงนี้คือเสียงที่มาจากกองทหารซึ่งพระราชบิดาของเจ้าหญิงกวานยินทรงส่งมารุกรานล้อมอาราม เพราะในที่สุดนักสืบของพระองค์สามารถสืบทราบร่องรอยว่าพระนางทรงหลบหนีมาซุกซ่อนพระองค์อยู่ ณ อารามนี้


เหล่านางชีต่างมองดูหน้ากันด้วยความหวั่นพรั่นจิต แล้วออกอุทานว่า โอ ใครหนอ ใครเป็นผู้นำความมหันตทุกข์มาสู่พวกเรา ใครเป็นผู้ประพฤติการลามก ต้องมีใครคนหนึ่งในพวกเราที่ทำบาปไว้อย่างร้ายแรง และบัดนี้เทพดาก็กำลังจะล้างเราอยู่แล้ว เขาต่างก็โทษกัน แต่หามีใครโทษกวานยินไม่เพราะเขาวางใจเสียว่า แม้พระนางจะเป็นผู้ก่อเหตุการณ์นี้ก็ตามเถิด แต่คนเช่นพระนางนี้คงไม่เป็นเหตุร้อนถึงเทวดาที่จะมาลงโทษพวกเขาได้ อีกประการหนึ่ง ในการปฏิบัติสมณกิจ พระนางก็ได้ปฏิบัติด้วยความเคร่งครัดและนอบน้อมยิ่งนักอยู่แล้ว กระนี้เขาจึงไม่ติดใจสงสัยเลยว่าพระนางเป็นผู้ประพฤติทุศีล


เสียงขู่เข็ญนอกบริเวณอารามดังกังวานยิ่งขึ้นทุกขณะ ในทันใดเสียงร้องด้วยความกลัวก็หลุดออกจากปากของบรรดานางชีพร้อมกันว่า เขากำลังจะเผาอารามของเราแล้ว พวกทหารได้ก่อกองไฟขนาดใหญ่ขึ้น ควันพวยพุ่งไปในอากาศสูงพ้นกำแพงอาราม ในไม่ช้าความร้อนแรงแห่งเพลิงก็บันดาลให้กำแพงอารามพังทลายลงเป็นภัศมธุลี


ในบัดดลก็มีเสียงๆหนึ่งเปล่งออกมาในระหว่างเสียงตร่ำครวญอันเซ็งแซ่ของนางชีทั้งหลายว่า อนิจจา ตูข้าเองเป็นต้นเหตุแห่งมหันตทุกข์นี้


นางชีทุกคนเหลียวไปดูทางเสียงนั้นด้วยความฉงนสนเท่ห์จึงทราบว่าเจ้าหญิงกวานยินเป็นผู้ทรงกล่าว เขาออกอุทานด้วยความมหัศจรรย์ใจเป็นที่สุดว่า เจ้าหรือ


จ้ะ ตูข้าเอง เพราะตูข้าเป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ พระราชบิดาไม่ทรงยินยอมให้ตูข้ามารับศีลปฏิญาณอุปสมบทเป็นนางชี แล้วตูข้าจึงได้หลบหนีออกจากพระราชวัง ฉะนั้นพระองค์จึงส่งกองทหารมาที่นี่เพื่อเอาเพลิงเผาผลาญอารามนี้เสียแล้วฉุดคร่าเอาตัวตูข้ากลับไปจองจำทำโทษในพระราชวัง


นางอธิการิณีร้องขึ้นว่า ถ้ากระนั้น เจ้าดูทีหรือว่าเจ้าได้นำอะไรมาสู่พวกเราบ้าง ดรุณีผู้เคราะห์ร้ายเอ๋ย เจ้าดูทีหรือว่าเจ้าได้สนองความเมตตาและอนุเคราะห์ของพวกเราประการใดบ้าง บรรดาเรือนน้อยใหญ่ของเราจะกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่รำมะร่อแล้ว เจ้าได้ก่อความลำเค็ญให้แก่พวกเราเพียงไร ขอทวยเทพซึ่งสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์จงลงทัณฑ์แก่เจ้าให้สาสม


เจ้าหญิงกวานยินสะดุ้งจนพระกายลอย ทรงค้านว่า เปล่า เปล่าเลย และทรงพยายามห้ามปราม มิให้นางอธิการิณีกล่าวถ้อยคำอันน่าขนพองสยองเกล้านั้น ท่านอธิการิณี ไม่มีสิทธิอันใดที่จะกล่าวเช่นนั้น เพราะตัวข้ามิได้แปดเปื้อนด้วยความชั่วช้าลามก แต่ รอก่อน อีกสักครู่ท่านจะได้เห็นว่าเทพดาจะสนองถ้อยวิงวอนของผู้ใด ของท่านหรือของตูข้า พอนางตรัสขาดกระแสเสียง ก็ทรงจรดพระนลาฏลงกับพื้น ทรงกล่าวคำวิงวอนเทพดาฟ้าดินและสรรพสิ่งซึ่งมีมหิทธิฤทธิ์มหิทธิศักดิ์ในสากลจักรวาล เพื่อทรงช่วยคุ้มครองป้องกันอารามและนางชีทั้งหลาย ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติซึ่งกำลังมีมาสู่นั้น


เสียงเพลิงเผาสิ่งต่างๆซึ่งอยู่ล้อมรอบอารามดังโผงผางอย่างน่ากลัว ในไม่ช้าเพลิงก็เผาผลาญกุฏิโบสถ์วิหารการเปรียญบ้านช่องเรือนโรงทุกหลังบนยอดผาให้พินาศย่อยยับ นางชีทั้งหลายพากันตื่นตระหนกตกใจเกรงกลัวเหลือประมาณ จึงได้เตรียมตัวเพื่อหนีออกจากอาราม และทอดทิ้งอารามไว้ให้เป็นเหยื่อของเพลิงและทหารซึ่งโหดร้ายยิ่งกว่าเพลิง เจ้าหญิงกวานยินคงประทับอยู่ในห้องแต่พระองค์เดียว ทรงภาวนาวิงวอนขอความอารักข์จากเทพดาฟ้าดินด้วยพระทัยอันร้อนรนกระวนกระวาย


ในทันใดนั้นก็มีลมเฉื่อยๆพัดมาจากลำเนาไพรใกล้เคียง พลาหกก็รวมกันเข้าเป็นกลุ่มก้อนมืดครึ้มอยู่เหนือศีรษะ และถึงแม้ว่าขณะนี้จะเป็นฤดูแล้งก็บังเกิดมีพระพิรุณเทน้อยเทใหญ่ลงมาต้องเพลิงภายใน 5 นาทีเพลิงก็ดับเหือดหายไปสิ้น และอารามก็รอดพ้นจากอัคคีภัย ขณะที่นางชีตัวสั่นงันงกกำลังจะขอบพระทัยพระนางที่ทรงวิงวอนขอเดชะอำนาจแห่งเทพดาฟ้าดินช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นภัยอยู่นั้น มีทหาร 2 คนไต่ข้ามกำแพงด้านนอกเข้ามาและถามหาพระนางด้วยสำเนียงกระด้างๆ


พระกายของพระนางสั่นดั่งลูกนก พระนางตระหนักแน่ว่า คนเหล่านี้กระทำตามพระโองการของพระราชบิดา พระนางจึงกราบไหว้วิงวอนเทพดาฟ้าดิน ครั้นแล้วก็สำแดงพระกายให้ปรากฏแก่ตาของทหาร ทหารทั้ง 2 ก็ตรงเข้าฉุดคร่าพระนางนางชีทั้งหลาย ผู้เริ่มรักใคร่เอ็ดดูพระนางแล้ว ในไม่ช้าพระนางก็ถูกนำตัวไปสู่พระราชวังอย่างน่าอัปยศอดสูยิ่งนัก

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(7)

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม(7)

พระนางยอมตายเพื่อคงความเป็นเป็นหญิงพรหมจารีเอาไว้


ครั้นวันรุ่งขึ้น พระนางกูถูกนำเข้าเฝ้าพระราชบิดา พระราชาทอดพระเนตรพระราชธิดาด้วยความสลดพระทัย ครั้นแล้วพระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในขณะที่พระองค์กวักพระหัตถ์ให้ทหารรักษาพระองค์นำพระนางเข้าไปให้ใกล้ชิด


มีเสียงบรรเลงแห่งดนตรีกังวานมาจากห้องข้างเคียงอย่างจับจิต ภายในห้องนี้มีแขกเหรื่อกำลังนั่งประจำโต๊ะซึ่งมีอาหารและเครื่องดื่มพร้อมด้วยเครื่องประกอบต่างๆอันหรูหราวางอยู่เรียงราย สำเนียงหัวเราะของแขกทั้งหลายได้กังวานไปสัมผัสกับโสตประสาทของพระนางที่กำลังน้อมพระเศียรอยู่หน้าพระราชบัลลังก์เฉพาะพระพักตร์ของพระราชบิดา พระนางตระหนักแน่ว่าการพระราชทานเลี้ยงครั้งนี้ พระราชบิดาทรงตระเตรียมไว้เพื่อต้อนรับพระนาง เพราะฉะนั้นพระราชบิดาคงทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะพระราชทานโอกาสแก่พระนางอีกครั้งหนึ่ง


พระราชาตรัสภายหลังที่ได้ทรงข่มพระกระแสเสียงของพระองค์ให้คงเป็นปกติแล้วว่า ลูกเอ๋ย ในการที่ลูกหลบหนีจากพระราชวังในสายัณหกาลแห่งวันอภิเษกสมรสนั้น มิใช่ว่าเจ้าได้สบประมาทเฉพาะพ่อของเจ้าเท่านั้น เจ้ายังได้สบประมาทพระมหากษัตริย์ของจ้าอีกด้วย สำหรับความประพฤติเช่นนี้โทษของเจ้าควรถึงตาย อย่างไรก็ดี เพราะว่าก่อนหน้าเจ้าหนีหายไปจากพระราชวัง เจ้าได้กระทำความดีความชอบอย่างอุกฤษฏ์ไว้ พ่อได้ตกลงปลงใจแล้วที่จะให้โอกาสแก่เจ้า เพื่อประพฤติประพฤติชอบอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเจ้าปฏิเสธพ่อ โทษของเจ้าจะต้องถึงตายเจ้ารู้ไหม จงเชื่อฟังพ่อเถิดลูก แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นสวัสดี ราชสมบัติที่เจ้าปฏิเสธยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าอยู่ พ่อไม่ต้องการอะไรยิ่งไปกว่าที่จะขอให้เจ้ายินยอมอภิเษกกับบุรุษที่พ่อได้เลือกไว้แล้ว


เจ้าหญิงกวานยินกราบทูลถามพระราชบิดาด้วยความกระวนกระวายพระทัยว่า พระองค์จะทรงผ่อนผันให้ข้าพระบาทตัดสินใจได้เมื่อไร


พระราชาทรงตอบว่า ในวันนี้ ในชั่วโมงนี้ ในบัดนี้ พลางสีพระพักตร์ก็ถมึงทึง อะไร เจ้ายังจะอิดเอื้อนอยู่อีกหรือ ระหว่างราชบัลลังก์กับความมรณะหนาลูก พูดออกมาซิลูก จงบอกพ่อว่าเจ้ารักพ่อและจะทำตามที่พ่อสั่ง


เมื่อได้ฟังรับสั่งเช่นนั้น เจ้าหญิงกวานยินควรที่จะได้อนุโลมตามรับสั่งของพระราชบิดาแล้วมิใช่เพราะว่าพระราชบิดาจะทรงยกราชสมบัติให้แต่เพราะว่าพระนางทรงรักใคร่พระองค์ และเพื่อจะได้ทรงกระทำให้พระองค์ทรงสำราญพระราชหฤทัย แต่ด้วยพระทัยอันแข็งปานเหล็กเพชรของพระนางจึงหาได้เป็นไปดังพระประสงค์ไม่ ไม่มีอำนาจใดในพิภพที่จะสามารถหน่วงเหนี่ยวความคิดซึ่งพระนางทรงคิดเห็นว่าเป็นกิจส่วนพระองค์ของพระนางไว้ได้


พระนางกราบทูลด้วยพระอาการโศกสลด ทั้งพระกระแสเสียงก็อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่งว่า โอ้พระบิดาที่รัก ขอได้โปรดเชื่อลูกเถิด ถ้าลูกจะอนุโลมตามพระราชประสงค์ของพระองค์ได้โดยอิสระ ลูกจะมีความปรีดาปราโมทย์ไม่น้อย ที่ได้นำความเกษมสำราญพระราชหฤทัยมาสู่สมเด็จพระบิดา แต่มีเทวโองการมาจากสวรรค์ ดำรัสสั่งให้ลูกครองตัวเป็นพรหมจารีให้มั่นคงอยู่ ฉะนั้นลูกจึงได้พลีชีพเพื่อแผ่ความเมตตากรุณาแก่สัตวโลกผู้ยากแค้นทั่วไปเมื่อเทพดามีเทวโองการเช่นนี้ แม้แต่เจ้าหญิงก็จะปฏิบัติได้สถานใด นอกจากจะเชื่อฟังฤทธิ์อำนาจซึ่งคุ้มครองโลกนั้น


พระราชาเฒ่าไม่ทรงพอพระราชหฤทัยในคำกราบทูลของพระราชธิดาเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ทรงพระพิโรธจนพระกายเขียว เพราะพระโลหิตร้อนได้วิ่งพล่านขึ้นสู่พระเศียร ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ขัดขืนคำสั่งของข้าน่ะซิ นำมันไปทหาร แล้วจงประหารชีวิตมันเสีย ในฐานที่มันทรยศต่อพระเจ้าแผ่นดิน พอทหารนำเจ้าหญิงกวานยินออกไปจากหน้าพระที่นั่ง พระราชาผู้มีเกศาหงอกขาวดุจดอกเลา ก็ทรงเซซวนพลัดตกจากเก้าอี้ถึงซึ่งวิสัญญีภาพ

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม (8)

ชีวประวัติเจ้าแม่กวนอิม (8)

พระนางบังเกิดเป็นเซียนในเทวโลก


ในราตรีนั้น ครั้นเจ้าหญิงกวานยินทรงถูกสำเร็จโทษแล้ว พระนางก็เสด็จลงไปสู่ยมโลก ซึ่งเป็นดินแดนอันมัวมืดของงผู้วายชนม์ มีอาณาเขตอันไพศาล และมีขุมนรกอันมากมายเหลือประมาณ พอพระนางย่างพระบาทเข้าสู่ดินแดนนี้ ในบัดดลดินแดนนี้ก็กลับกลายไปคล้ายกับสวนสวรรค์ นานาบุปผชาติมีอาทิเช่นปทุมชาติก็งอกงามขึ้นจากพื้นพสุธาอย่างดาษดื่น ต่างก็ชูดอกแย้มกลีบอยู่ไสว และส่งกลิ่นฟุ้งขจรคลบอบอวลไปทั่วดินแดน ยมราชมหาจักรพรรดแห่งยมโลกทรงรู้สึกฉงนสนเท่ห์ในความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งนัก จึงรีบเสด็จออกจากสำนักเพื่อทรงสืบสวนตรวจตราค้นคว้าหาต้นสายปลายเหตุแห่งความวิปลาสนั้น พอประสบพักตร์อันงามเลิศของเจ้าหญิงกวานยิน ก็ทรงซึมซาบในบัดดลว่าพระนางเป็นสุทธนารี ซึ่งไม่มีสถานที่ใดคู่ควรกับพระนางนอกจากเทวโลก


พระยายมปราศรัยว่า นางผู้มั่นอยู่ในพรหมจรรย์และผู้แผ่เมตตากรุณาจิตแก่ผู้ยาก ข้าพเจ้าขอเชิญท่านในนามแห่งความยุติธรรมให้ออกไปจากอาณาจักรอันนองด้วยโลหิตนี้เสีย หาชอบด้วยคลองธรรมไม่ที่ผกาอันงามเลิศล้ำแห่งเมืองสวรรค์จะตกลงมากล้ำกรายส่งกลิ่นฟุ้งขจรตลบอบอวลอยู่ในแว่นแคว้นแดนนรกนี้ ผู้กระทำบาปอยาบช้าจะต้องรับทัณฑกรรมที่นี่และหามีรางวัลสำหรับเขาไม่  ฉะนั้นออกไปเสียเถิด จากแว่นแคว้นแดนดินนี้ ผลเทาแห่งข้าพเจ้าจะเป็นของกำนัลสำหรับท่าน และวิมานเท่นั้นจะเป็นนิวาสน์สถานสำหรับท่าน


ครั้นแล้วเจ้าหญิงกวานยินก็ได้สำเร็จเป็นเทพธิดา(หรือเซียน) แห่งความเมตตากรุณา คือพระนางได้เสด็จขึ้นไปสถิตอยู่บนเทวโลก ซึ่งกษัตริย์และนางกษัตริย์ในโลกมนุษย์โลกจะเปรียบเทียบกับพระนางหาได้ไม่ และตั้งแต่กาลบัดนั้นเป็นต้นมา ในปีหนึ่งๆประชาชนพลเมืองผู้ยากจนเป็นอเนก ได้ระลึกถึงนางเพื่อให้นางโปรดประทานความเมตตากรุณา เขาทั้งหลายหามีความหวาดหวั่นไม่ ในเมื่อผลพระรูปอันงามงอนของพระนาง เหตุด้วยเนตรของพระนางหล่อด้วยอัสสุชลแห่งความรักอยู่เสมอ.

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คำชี้แจงในการสวดภาวนาพระคาถาเจ้าแม่กวนอิม

คำชี้แจงในการสวดภาวนาพระคาถาเจ้าแม่กวนอิม


ในการสวดพระคาถาเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ เพื่อให้บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์มีมหิทธานุภาพ เมื่อสวดบทพระคาถาเจ้าแม่จบ 1 เที่ยว ให้จุดทึบที่วงกลม 1 วงทุกครั้งไป และเมื่อสวดได้ครบจำนวนวงแล้ว ต่อไปให้พิมพ์หนังสือ ชีวประวัติและพระคาถาเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ เล่มนี้แจกเป็นธรรมทาน จำนวนอบ่างน้อย 1,200 เล่ม ผู้ใดตั้งใจแน่วแน่ในการสวดพระคาถา และทำตามคำแนะนำที่ว่ามานี้ ผู้นั้นก็จะสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ

พระคาถาเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์

พระคาถาเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์



นำโม ไต๋ซื้อ ไต๋ปุ่ย กิ่วโค่ว กิ่วหลั่ง ก๋วงไต๋ เล่งก้ำ กวงซี อิมผู่สัก
(ท่อง 3 จบ กราบ 3 ครั้ง)

นำโมฮุ๊ก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโค่ว กิวหลั่ง กวงซีอิมผู่สัก ทั่งจีโต โอม! เกียล่อฮวดโต เกียล่อฮวดโต  เกียออฮวดโต เกียออฮวดโต ล่อเกียฮวดโต ล่อเกียฮวดโต ซำผ่อออ เทียงหล่อซิ้ง ตี่หล่อชิ้ง นั้งหลี่หลั่ง หลั่งหลี่ชิง เจ๊กเฉียก ไจเอียงห่วย อุ่ยติ๊ง นะโม หม่อฮอ ปั่วเปี้ยกปอหล่อบิ๊ก


คำแปล
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบนมัสการ แทบเบื้องพระยุคลบาท แห่งองค์พระพุทธบิดร อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งพระธรรมและพระอริยสงฆ์สาวก

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการ ต่อเจ้าแม่กวนอิมบรมโพธิสัตว์ อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่มีการถือชั้นวรรณะ น้ำพระทัยของพระองค์บริสุทธิ์ และศักดิ์สิทธิ์ ประดุจดังกระแสแห่งทิพย์

ข้าพเจ้าขอถวายอภิวาท ต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และพระอรหันสาวกสาวิกาทั้งหลาย เทพเจ้าผู้รักษาแผ่นดิน

ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากเคราะห์กรรมทั้งปวง ขอให้ข้าพเจ้าได้ปัญญา ให้ข้าพเจ้าได้โลกุตระ ให้ได้ถึงฝั่งแห่งแดนพระอริยะด้วยเทอญ

อานิสงส์จากการท่องพระคาถาเจ้าแม่กวนอิม

อานิสงส์จากการท่องพระคาถาเจ้าแม่กวนอิม



ที่เมืองเกียเฮง มีครอบครัวสกุลโง้ว ภรรยาสกุลตั้ง ภรรยานั้นร่างกายไม่แข็งแรง มักเจ็บออดๆแอดๆอยู่เป็นนิตย์ ไม่มีบุตรไว้สืบสกุล จึงได้สวดมนต์(ไต๋สือ) ไม่เว้นวัน และได้พิมพ์มนต์ที่สวดหนึ่งพันสองร้อบใบ เพื่อแจกแก่เพื่อนมนุษย์ ปรากฏว่าได้หายจากการเจ็บไข้ ต่อมาก็ได้บุตรชายคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาภายหลังได้รับราชการ ได้เป็นถึงกึงสีนึ้ง(เทียบเท่ารัฐมนตรีปัจจุบัน)

ที่แมนจูเรีย นายหลือลิ้ม สกุลลี้ ได้ไปทำธุรกิจที่เมืองกุยจิว พอเรือไปถึงปากอ่าว เกิดมีพายุขึ้น น้ำก็เชี่ยวกราก เรือกำลังจะล่ม ทันใดนั้น เขาก็ได้อธิษฐานต่อองค์เจ้าแม่กวนอิมว่า ถ้าหากปลอดภัยจะพิมพ์มนต์ไต๋สือ หนึ่งพันสองร้อยใบเพื่อแจก พออธิษฐานจบลง ปรากฏว่าพายุสงบลง น้ำก็นิ่ง เรือจึงไปได้อย่างสะดวกและปลอดภัย              

ที่นครปักกิ่ง นายเสี่ยงง้วน สกุลเฮ้ง ได้ไปสอบหลายครั้งสอบไม่ได้ ฝันถึงเจ้าแม่กวนอิมมาบอกว่า ที่จริงแล้วเรื่องสอบนั้น เขาไม่มีโอกาสได้เลย แต่ระยะอันใกล้นี้ ได้เห็นนายเลี่ยงง้วน มีความศรัทธาท่องคาถาไต๋สือ และนับถืออย่างจริงใจ พระองค์ก็จะช่วยให้สอบได้ พอนายเสี่ยงง้วนตื่นขึ้น ก็ได้พิมพ์คาถานั้น 1,200 ใบ เพื่อแจก ปรากฏว่าเขาสอบได้สมความปรารถนา

ที่มณฑลชานตุง นายฮ่งคง สกุลจิว ถูกควบคุมตัวเพราะมีคดีอยู่ ได้ฝันเห็นเจ้าแม่กวนอิมสอนให้ท่องคาถาไต๋สือว่า จะสะเดาะเคราะห์ได้ เขาจึงท่องคาถานี้ 12,000 จบ ต่อมาผลปรากฏว่าเขาได้รับอิสระ

ที่อำเภอไต๋เฮง มีหญิงกตัญญูคนหนึ่ง สกุลลี้ พ่อป่วยอาการหนัก หล่อนก็อธิษฐานท่องคาถาไต๋สือนี้ 12,000 จบ และพิมพ์ 1,200 ใบแจก พ่อก็หายป่วยดังปลิดทิ้ง

ที่นครปักกิ่ง นายลีสัง สกุลเล้า ภรรยาสกุลชิง อายุ 40 ปี ไม่มีบุตร ได้ท่องคาถาไต๋สือนี้ 12,000 จบ และพิมพ์ 1,200 ใบ แจกด้วย ต่อมาก็ได้บุตรชาย 1 คน

ที่มณฑลฮุยจิว นายง้วน สกุลโค้ว มีความลำบากยากจนแสนเข็ญ จะกระโดดน้ำตาย ทันใดนั้นก็เห็นคนแก่คนหนึ่งมาบอกให้ท่องคาถาของเจ้าแม่กวนอิม ฟ้าเบื้องบนก็จะดลบันดาลคุ้มครอง แล้วคนแก่ผู้นั้นก็ล้วงเข้าไปในเสื้อ หยิบคาถาไต๋สือให้ นายง้วนก็ทำตามมิหยุดหย่อน ภายหลังเขาก็กลายเป็นเศรษฐี

ที่มณฑลเหอหนัง นายย่งชุน สกุลเฮ้ง ตอนหนุ่มได้ป่วยเป็นโรคซึ่งอาการหนัก คิดว่าต้องตายอย่างแน่นอน จึงได้ท่องคาถาไต๋สือ และได้พิมพ์แจกด้วย ซึ่งปรากฏว่ามีอายุยืนถึง 90 ปี

ที่มณฑลจิกกัง นายตั่งเกา สกุลภู่ มีความอดอยากยากจน คืนหนึ่งได้ฝันเห็นเจ้าแม่กวนอิมมาหาและมือถือคาถาไต๋สือ พอลืมตาตื่นขึ้น ก็ได้อธิษฐานและท่องคาถา 12,000 จบ และพิมพ์รูปเจ้าแม่กวนอิม 1,200 รูปแจก จากนั้นฐานะก็ค่อยๆดีขึ้น และสมปรารถนาทุกอย่าง

ที่มณฑลเล่งปอ มีหญิงสกุลยู้ อายุ 28 ปี เป็นโรคผิวหนังเน่าเปื่อยตามร่างกาย ได้หาหมอและถามเจ้าหลายแห่ง อาการก็ไม่ทุเลา ภายหลังมีคนแก่มาแนะนำให้ท่องและพิมพ์คาถาไต๋สือเพื่อแจกแล้วโรคจะหาย ดังนั้นจึงได้อธิษฐาน หลังจากนั้นไม่นานนัก ได้หายจากโรคผิวหนัง นี่คือบารมีเจ้าแม่กวนอิมไต๋สือ ภายหลังก็มีบุตรชายสองหญิงหนึ่ง มีความเฉลียวฉลาดน่ารักมาก

ที่อำเภอกิ่งกุ่ย  นายชีฮวด สกุลเดียว เป็นโรคปวดศีรษะ กินไม่ได้นอนไม่หลับ และอยู่ในขั้นอันตราย แพทย์ทั้งหลายไม่สามารถรักษาได้ คนในครอบครัวเป็นห่วงมาก ก็พอดรมีเพื่อนแนะนำให้ท่องคาถาไต๋สือ 12,000 จบ และพิมพ์แจก 1,200 ใบด้วย พออธิษฐานเสร็จก็ยังค่อยยังชั่ว จากนั้นก็หายขาด และไม่ปรากฏว่าปวดศีรษะอีกเลย

ที่อำเภอฝูงฟ้า หญิงสกุลตั้ง อายุ 30 ปี ไม่มีบุตร การค้าก็ซบเซา ทั้งสามีและภรรยามีความกลุ้มอกกลุ้มใจมาก ต่อมามีญาติในสกุลมาเยี่ยมที่บ้าน ได้เอ่ยถึงคาถาไต๋สือ ว่าขออะไรก็สมปรารถนา เมื่อทั้งสองฟังดังนั้น ก็ยินดีทำตาม จนบัดนี้มีทั้งบุตรและเงินทองสมความปรารถนา

หนังสือชีวประวัติและพระคาถาเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์

มีจำหน่ายที่สายส่งดวงแก้ว ราคาเล่มละ ๑๐ บาท ติดต่อคุณหนึ่ง ที่เบอร์โทร ๐๒-๘๖๔-๐๔๓๔ และ ๐๒-๘๖๔-๐๔๓๕